โปรดอย่ามองมันเพียงแค่หน้าตาสวยสดขึ้นเท่านั้น แต่สำหรับ Ford แล้ว การเปิดตัว Explorer ใหม่ เมื่อวานนี้ (26 กรกฎาคม 2010) คือความเปลี่ยนแปลงของเอสยูวีพันธุ์แกร่ง ครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ รถยนต์อเมริกัน ถึงขนาดละทิ้งโครงสร้างแชสซีส์แบบเดียวกับรถกระบะ และหันมาใช้พื้นตัวถังรถเก๋งที่หลายคนค่อนขอดว่าอิดออดแบบนี้จะไปรอดหรือไม่
กาลครั้งหนึ่งตลาดเอสยูวีขนาดเขื่องสร้างบนพื้นฐานแชสซีส์กระบะขนาดใหญ่ค่อย ๆ ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งปีปลายยุค 90 ตลาดเอสยูวีก็บูมราวกับว่ารถประเภทนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก เมื่อย้อนนึกเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก ช่วงนั้นราคาน้ำมันยังไม่พุ่งกระฉูดเหมือนปัจจุบันและสภาพเศรษฐกิจก็ยังมีทีท่าไปได้สวยงาม
ทันใดนั้น สภาวะเศรษฐกิจที่ดูสวยงามยิ่งนักกลับกลายเป็นภาพมายาลวงตา ใครเคยคาดคิดล่ะว่าพิษต้มยำกุ้งจะจัดจ้านถึงทรวงขนาดนี้ ทำเอาตลารถยนต์ทั่วโลกฟุบลงไม่เป็นท่า แน่นอนมันกระทบกับตลาดเอสยูวีขนาดยักษ์ซึ่งเคยเป็นตลาดรถยนต์สร้างรายได้และ ยอดขายให้แก่ BIG3 อย่างหนักจนแทบจะเสียสูญกันไปเลย
ช่วงยุคปี 2000 ตลาดเอสยูวีขนาดใหญ่ไม่มีทีท่าว่าจะร้อนแรงมากนักเหมือนสมัยก่อน มันยังมีลูกค้าอุดหนุนเรื่อย ๆ เพราะพฤติกรรมลูกค้าชาวอเมริกันยังยึดติดกับรถขนาดใหญ่และเครื่องยนต์โต ๆ ยังมีอยู่ แต่ก็มีรถยนต์ 1 ใน BIG 3 ยังเฉลียวใจว่าเทรนด์การใช้รถของชาวอเมริกันจะต้องเปลี่ยนไป พวกเขาก็ไม่นิ่งนอนใจกับความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงต้องซุ่มพัฒนารถเปลี่ยน โฉมของตนให้ดีที่สุด
สัญญาณกระดิ่งเตือนครั้งสุดท้ายของรถยนต์ขนาดใหญ่กินน้ำมันจุเริ่มประทุขึ้น ใกล้หมดเวลาลงแล้ว เมื่อเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นช่วงปลายปี 2008 แรงชนิดทำเอาสหรัฐอเมริกันจุกอกสะท้านไปทั้งทรวง และนี่เองก็เป็นเหตุให้ BIG 3 เกิดอาการง่อนแง่อย่างเห็นได้ชัดเจนจากปัจจัยหลายประการ
โชคดีที่การเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อความอยู่รอดของ BIG 3 ประสบความสำเร็จถ้วนหน้าจนขาแข็งแรงขึ้น แต่อนิจจาพวกเขาก็รื้อโครงการการพัฒนารถใหม่เกือบหมดเพื่อมุ่งไปสู่ความเป็น รถประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น คงจะมีเพียง Ford ที่ชัดเจนในด้านการมุ่งพัฒนารถยนต์ที่ นอกจากจะประหยัดน้ำมันขึ้นแล้ว ยังต้องมีสมรรถนะแรงขึ้นไปพร้อมกันด้วย ซึ่ง Ford ก็ซุ่มเตรียมความพร้อม ในเรื่องนี้ ไว้ตั้งนานแล้ว ก่อนจะเกิดวิกฤตเสียอีก
Ford Explorer โฉมใหม่เจเนเรชั่นที่ 5 น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงตลาดรถเอสยูวีขนาดใหญ่ที่ทั้งหนักจน ถ่วงสมรรถนะ เพิ่มภาระด้านอัตราสิ้นเปลืองให้หมดไปให้กลายเป็นรถที่คล่องตัวมากขึ้น น้ำหนักเบากว่าเดิม สมรรถนะดีขึ้น ที่สำคัญยังประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิมพอประมาณเพราะหันมาใช้พื้นตัวถังแบบรถ เก๋งมิใช่แชสซีส์เหมือนในอดีต แต่ยังคงบุคลิคในการลุยเช่นเคย
หากใครหัวอนุรักษ์นิยมอยู่สักหน่อยก็คาดว่าจะไม่ตอบรับ Ford Explorer รุ่นใหม่ในช่วงนี้แน่นอน เพราะมันมีความเปลี่ยนแปลงไปมากชนิดพลิกรากเหง้า Explorer ดั้งเดิมกันเลยทีเดียว ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้น่าจะคล้ายการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจากล้อหลังเป็น ล้อหน้าสำหรับรถยนต์นั่งญี่ปุ่นในสมัยก่อนอย่างไรอย่างนั้นเลย
ความเปลี่ยนแปลงจุดแรกที่ทำให้รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ Ford Explorer แบบเดิม ๆ ก็คือดีไซน์ที่ล้ำสมัยขึ้น แม้ภายนอกยังคงแนวการออกแบบโครงตัวถังเหลี่ยมสันเหมือนรุ่นก่อน ๆ แต่ใช่ว่าจะเป็นทรงเหลี่ยมที่ดูทื่อ ๆ เชย ๆ แบบรถอเมริกันชนทั่วไปนะครับ Explorer ใหม่ถูกออกแบบให้ดูแข็งแกร่งบึกบึนตามสไตล์กรถอเนกประสงค์ Ford ยุคใหม่ แต่โปรดอย่างสับสนกับแนวทางการออกแบบรถยนต์นั่ง Kinetic Design จากฝั่งยุโรปเป็นอันขาด
ดูเผิน ๆ Ford Explorer ก็มีกลิ่นคล้าย ๆ Land Rover และ Rang Rover อยู่ไม่น้อยเลย แม้ว่าจะแยกชิ้นออกมาแล้วไม่เหมือนกันเลยก็ตาม ยกตัวอย่างชุดโคมไฟหน้าทรงใหม่, กระจังหน้าบานเกล็ด 3 ชั้นเอกลักษณ์รถอเนกประสงค์ Ford, การทาเสาหลังคาจุด A สีดำ เมื่อจับรวมกันเข้ากับโครงสร้างตัวถังที่ละม้าย Land Rover แล้วก็ไม่แปลกใจนักที่หลายคนจะบอกว่าเหมือนรถ Land Rover มากกว่า
การออกแบบภายในห้องโดยสารผมขอเรียนสารภาพตามตรงว่าถ้าไม่ติดตราสัญลักษณ์ Ford แล้วล่ะก็นี่มันคือรถ Toyota ชัด ๆ !! แต่อย่างน้อยเราก็ยอมรับว่า Ford กล้านำดีไซน์ต่าง ๆ ที่มีความหรูหราหรือสวยงามบรรจุลงรถอเนกประสงค์ขนาดเขื่องคันนี้ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนจะเน้นความทนทานมากกว่าความสวยงาม
จุดเด่นสำคัญบนจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็คือ Ford กล้าพัฒนา Explorer ใหม่บนพื้นฐานรถซีดานและรถอเนกประสงค์ขนาดกลาง พูดง่าย ๆ คือช่วงล่างแบบรถเก๋งน้ำหนักเบาแทนที่จะพัฒนาบนพื้นโครงสร้างแชสซีส์รถกระบะ ขนาดใหญ่น้ำหนักมาก
นอกจากนี้ทีมวิศวกร Ford พยายามสรรหาวัสดุน้ำหนักเบาเพื่อมิให้น้ำหนักรถพุ่งพรวดเกินความจำเป็น ผลลัพธ์ก็คือ ford Explorer โฉมใหม่น้ำหนักเบากว่ารุ่นเดิมเกือบ 45 กิโลกรัม ดูเหมือนน้ำหนักเบาลงไม่มากนัก แต่ก็อย่าลืมว่ารถรุ่นใหม่มีขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าเดิมพอสมควร ก็ถือว่าทีมวิศวกรประสบความสำเร็จในการหั่นน้ำหนักทิ้งสำหรับรถขนาดยักษ์คัน นี้ระดับหนึ่ง
จุดขายสำคัญของ Ford Explorer ใหม่อีกประการคือเครื่องยนต์บล๊อกใหม่ที่ลดความจุกระบอกสูบลงไปมาก แต่แรงขึ้น ลดใช้เชื้อเพลิงกว่ารุ่นเดิมมาก มีให้เลือก 2 บล๊อกได้แก่เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.5 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Ti-VCT 294 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 345 นิวตันเมตรหรือ 34.85 กิโลกรัมเมตรที่ Ford เคลมว่าประหยัดกว่าเครื่องยนต์ V6 เดิมถึง 30%
เครื่องยนต์ไฮไลต์สำคัญที่ชาวอเมริกันไม่นึกฝันว่าจะได้เจอคือเครื่องยนต์ เบนซิน 2.0 ลิตร บรรจุเทคโนโลยี EcoBoost 240 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 34.23 กิโลกรัมเมตร
ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือก 2 แบบคือขับเคลื่อนล้อหน้ามาตรฐานและขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะเพียงแค่ปรับปุ่มบิดหมุนเพื่อเลือกสภาพท้องถนน 4 แบบหลัก ๆ ได้แก่ หิมะ, ทราย, โคลนและถนนปกติ พร้อมระบบช่วยขับรถทางขึ้นลงเขาด้วย
ใครที่หาว่ารถเอสยูวีคันโตไม่ปลอดภัยเอาเสียเลยเห็นทีจะต้องมองรถคันนี้ใหม่ เสียแล้วเมื่อ Ford ตั้งใจลบคำสบประมาททั้งหลายทั้งปวงด้วยการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยพร้อมถุงลม นิรภัยขนาดเล็กในตัวสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าครั้งแรกในโลก, ระบบ Curve Control คอยตรวจจับอาการของรถมิให้หลุดโค้งง่าย ๆ
Ford ดูจะภาคภูมิใจกับ Explorer โฉมใหม่นี้มากที่กล้าปฏิวัติรถเอสยูวีคันโตได้สำเร็จแม้จะมีเสียงคัดค้านจาก แฟนพันธุ์แท้ Explorer ตั้งแต่ปี 1990 บ่นผิดหวังก็ตามที แต่หาก Ford ไม่ปรับตัวเลยเห็นทีอนาคต Explorer คงจะดับวูบและเอาใจกลุ่มลูกค้าเพียงแค่หยิบมือหนึ่งก็เป็นได้
Ford เองก็คงทราบดีว่ายากนักที่ชาวอเมริกันคงไม่ยอมรับรถรุ่นใหม่นี้ง่าย ๆ แน่ Ford จึงค่อย ๆ เปิดเผยรายละเอียดรถคันนี้ตามลำดับขั้นตอนที่วางแผนเอาไว้จนกว่าจะให้ ชาวอเมริกันสัมผัสตัวจริงช่วงฤดูหนาวปีนี้ครับ