ฝนฟ้า ที่เทโครมลงมา อย่างไม่ปราณีปราศรัย ในช่วงเช้าของวันที่ 19 กรกฎาคม 2010 ชวนให้สงสัย
อยู่เหมือนกันว่า  เช้าวันนี้ ผมจะเดินทางไปร่วมงานเปิดตัว BMW ซีรีส์ 5 ใหม่ ได้ทันตามกำหนดการหรือไม่?

ก็พี่ไหม PR ของ BMW Thailand ระบุมาใน e-mail จดหมายเชิญว่า 9.30 น. ที่ สำนักงานขายโครงการ ที่พักอาศัย
สูงเสยดฟ้า แถมดีไซน์ ยังท้าทายกฎเกณฑ์เดิมๆ อย่าง โครงการ MAHANAKORN ซึ่งตั้งอยู่ ริมถนนสายสำคัญ
ที่ชื่อ ถนนนราธิวาสราชนครินทร์

หา! นี่เราต้องแหกขี้ตา ตื่นนอนตอน 7 โมงครึ่ง เพื่อขับรถ เขาไปยัง ย่านสีลม – สาทร เนี่ยนะ??
อึ๋ย รถคงติดหนักแน่ๆ แหงแก๋ เลยแหละ!

แล้วก็จริงดังคาด ทางด่วน เฉลิมมหานคร ขั้นที่ 1 ติดแหงกตั้งแต่ 8 โมงกว่าๆ เกือบ 9 โมง ชวนให้สงสัยว่า
รถที่ติดๆกันเนี่ย มันติดเพราะไอ้พวก ขับช้า งี่เง่า ชาติที่แล้ว เกิดเป็นเต่าคลานใช่ไหม? ถึงได้ไม่สนใจเลยว่า
รถคันข้างหลังที่ตามมา เขาจะรีบไปธุระปะปัง กันเนี่ย มัวแต่ขับเอ้อระเหยลอยชายอยู่ได้

เอาเถอะ ด่าไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ปัญหาการจราจรเมืองไทย จะยังแก้ไขไม่ได้ ถ้าตราบใด ที่ทุกคน
ยังคงคิดเห็นแก่ตัว ไม่มีน้ำใจกัน และมีพวกเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ไม่เคารพสิทธิ์คนอื่น เต็มสังคม
ในเวลานี้

สิ่งที่ผมให้ความสำคัญ กับ การเดินทาง ไปตามการจราจรที่ติดขัดเป็นแตงโม…เอ้ย! ตังเม นี้
คือความสบายในห้องโดยสาร ที่จะต้อง สบายพอให้ลืมบรรยากาศอันน่าเบื่อ บนถนน ไปได้

ครั้งสุดท้ายที่ผมคิดว่า BMW ซีรีส์ 5 ตอบโจทย์ข้อนี้ของผมได้ ก็คือ ซีรีส์ 5 เจเนอเรชันที่ 4
รหัสรุ่น E39 เพราะหลังจากนั้นมา รุ่น E60 ไม่ได้มีบรรยากาศในห้องโดยสารที่ชวนให้หลงไหล
ได้ขนาดนั้นเท่าใดนัก ขนาด Nissan Teana ยังทำได้ดีกว่าเลย นับประสาอะไรกับคู่แข่งตลอดกา
อย่าง Mercedes-Benz E-Class ที่เขาแซงหน้าไปแล้วในประเด็นนี้

วันนี้แหละ BMW Thailand เขาจะขอ แก้มือ ด้วยการปรับปรุง ซีรีส์ 5 ใหม่ เจเนอเรชันที่ 6
รหัสรุ่น F10 ให้ กลับมามีบรรยากาศในห้องโดยสาร ที่นั่งสบาย และนุ่มนวลยิ่งขึ้น
ไปพร้อมกับการรักษาไว้ ซึ่งความสนุกและสุนทรีย์ในการขับขี่ อันรื่นรมณ์ เสียที

นี่ละ คือเหตุที่ทำให้ผม ต้องยอม ฝ่าการจราจร บนทางด่วน ที่ชวนให้หาตัวงี่เง่าเต่าล้านปีติดล้อ
แถวๆ ช่วงต่างระดับ สุขุมวิท 62 มุ่งหน้าเข้ามาถึงสถานที่จัดงาน อันใหญ่โตโอ่อ่า แต่แบ่งโซน
กันแปลกๆ ขนาดของ สำนักงานขายโครงการ Mahanakorn แห่งนี้ ใหญ่โตมาก จน BMW
สามารถจัดพื้นที่ ในการแสดงรถยนต์ ได้มากถึง 3 คัน และยังไม่นับ กับ รถรุ่นก่อนๆ อีก 5 คัน
ซึ่งจัดแสดงอยู่นอกห้องกระจก เพื่อร่วมเป็นจุดเริ่มต้นในการนำเสนอ Presentation บ่งบอกถึง
ความเป็นมา ก่อนการเปิดตัว ซีรีส์ 5 ใหม่ล่าสุด ในลำดับถัดไป

Prop ประกอบฉาก ก็ชวนให้สงสัยว่า ไปหามาได้จากไหน? ทั้งเครื่องเล่นแผ่นเสียงของ Technics
วิทยุ กระเป๋าหิ้ว ของ National RAMSA รุ่นโบราณกาล เครื่องเล่น Walkman จาก Sony ที่เดาว่า
คงจะไปขอยืมจาก Sony Thai มาหรือเปล่า ทำไมสภาพมันเยินได้ขนาดนั้นหนอ

เมื่อ การย้อนอดีตจบลง คุณ เศรษฐิพงศ์ อนุตรโสตถิ หรือ พี่บีเวอร์
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร BMW Group Thailand ก็ เชื้อเชิญให้แขกผู้มีเกียรติ
ทุกคน พบกับตัวจริงของ ซีรีส์ 5 ใหม่…

นักข่าว ช่างภาพทั้งหลาย กรูกันมารอที่ประตูเลื่อน เพราะคิดว่า รถจะต้องโผล่มาจากทางนี้
แต่แล้ว ทุกคนก็หน้าแตกหมดทั้งยวง เพราะเปิดออกมาปุ๊บ เจอทางเดิน ต่อเนื่อง

ทางเดิน จะพาทุกคน มายัง พื้นที่แนะนำตัวรถอย่างเป็นทางการ มีม้านั่งยาวๆ 3 แถว เล่นระดับ
ทำราวกับ เป็น เวที แฟชันโชว์ กลายๆ

ยังหรอกครับ ยังไม่ได้เห็นคันจริงของ F10 กันหรอก เรายังต้องรับฟัง การนำเสนอข้อมูล
รายละเอียดของตัวรถ อย่างคร่าวๆ ที่ถูกเลือกขึ้นมาเป็นจุเด่ของตัวรถคันนี้ ในการสื่อสาร
เพื่อการตลาด จากพี่บีเวอร์ กันเสียก่อน

ถ้าใครยังจำ ภาพยนตร์ โฆษณาเรื่องล่าสุด ในชื่อชุด JOY IS BMW เวอร์ชันไทย ที่ออกอากาศ
เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2009 เป็นต้นมา ได้อยู่ละก็ คงจะจำหน้าของชายผู้นี้ได้ ก็นี่ละครับ
พี่บีเวอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร BMW เขาละ สรุปว่า งานนั้น ดูเหมือน
เป็นหนังโฆษณา ที่ประหยัดงบประมาณถ่ายทำใช้ได้ เพราะนักแสดง ในเวอร์ชันไทย
ก็เอาตนรอบๆข้าง กับบรรดาพนักงานในบริษัท BMW นั่นแหละ มาเป็นนักแสดงจำเป็น
เขาเล่นกันอย่างนี้เลยครับ บริษัทนี้

อันที่จริง การนำเสนอข้อมูลตัวรถ หนะ ไม่ยาวเท่าไหร่หรอกครับ แต่ทำอย่างไรได้
ในเมื่องานนี้ ซีรีส์ 5 ใหม่ อัดแน่นด้วยสารพัด ของเล่น ล้ำสมัย มากมาย การเล่าเรื่องราว
ก็เลยต้องนานกว่าปกตินิดนึง โปรดสังเกตสีน้า ของสาวชุดดำ ใส่แว่น ในภาพให้ดี
พี่เขาคงแอบคิดในใจแล้วละว่า “นี่ ตาบีเวอร์ พูดให้มันเร็วๆ เข้าหน่อยสิ พี่ยืนเมื่อย
จะแย่แล้วเนี่ย”

คริคริ

พอ พี่บีเวอร์ พูดจบ เวลาก็เริ่มนับถอยหลัง 1 นาที เต็มๆ …
ทุกคน เตรียมพร้อมจะถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ กันเต็มที่

พอนับถอยหลังจบ ผมก็นึกว่าบานประตูจะเลื่อน แล้วรถจะค่อยๆแล่นออกมา
เปล่า! หนังโฆษณา อีก 45 วินาที โดยประมาณ โผล่มาคั่นกลาง กันก่อน ซะงั้น
หนังเรื่องนี้ ก็เป็นไฟลท์บังคับที่จะต้องฉายเสียด้วยสิ! ธ่อ ตั้งท่ารอเก้อเลย!

แล้วในที่สุด บานประตู ก็เลื่อนเปิดออกมา หลังจากหนังโฆษณา จบลง

BMW 535i สีดำ ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาช้าๆ ถือเป็นการเปิดตัวในเมืองไทย
อย่างเป็นทางการ กันเสียที หลังจากที่ หลายคน ถามไถ่กันมาตั้งแต่ต้นปี

แหม! แต่ งานนี้ ก็ออกแนว กรมเจ้าท่า เหมือนกันนะ กว่าจะเห็นโฉมจริงได้
เล่นเอา รอเก้อ ไป 3 รอบ ติดๆ กันเนี่ย

หลังจากนั้น ผมก็ต้องรอจนกว่า บรรดากองทัพสื่อมวลชนทั้งหลาย ทะยอย กันกลับนั่นละครับ
ถึงได้ หาจังหวะ ถ่ายรูปมาได้ ง่ายหน่อย และต่อจากนี้ จะเป็นข้อมูล รายละเอียดเบื้องต้น
ของตัวรถ ซึ่งจะเน้นในรายละเอียดของ 535i และ 530d ในฐานะที่เป็นรถยนต์นำเข้า CBU
(Completed-Built Unit) ซึ่งเมื่อรวมภาษีนำเข้า ก็เลยจะทำให้ราคาแพงกว่ารุ่นที่จะประกอบใน
โรงงานของ BMW ที่ระยอง รูปภายนอก รถ 4 รูป นับจากนี้ จะเป็นรูปของ พี่ช่างภาพ จากทาง
BMW Thailand นะครับ เพราะเป็นภาพถ่าย Outdoor ส่วนที่เหลือ หลังจากนั้น ก็จะเป็นภาพถ่าย
ที่ผมเก็บมาฝากกันเอง ตามปกติ

BMW ซีรี่ส์ 5 ใหม่ได้ถูกออกแบบมาให้เน้นถึงความสปอร์ตผสมผสานความหรูหราและสง่างามได้อย่างกลมกลืน
สมดุลอย่างลงตัวในทุกมุมมอง ฐานล้อที่ยาว ประกอบกับลายเส้นแนวขนานด้านข้าง เน้นความพลิ้วไหวอย่าง
ต่อเนื่อง ให้ความรู้สึกถึงความยาวของตัวรถ ในขณะที่แนวหลังคาที่ลาดเทลงให้ความรู้สึกถึงรถแบบสปอร์ตคูเป้
แฝงความสปอร์ตดุดันในความสง่างามได้อย่างแยบยล เส้นขอบหน้าต่างบานหลังหักมุมในแบบ ‘Hofmeister Kink’
ซึ่งนอกจากจะสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็น BMW อย่างลงตัวแล้ว ยังเพิ่มความโดดเด่นให้กับผู้โดยสารที่นั่งด้านหลัง
ในขณะเดียวกันส่วน Power Dome บนฝากระโปรงหน้าถูกประดับด้วยลายเส้นที่ถูกวางอย่างบรรจงในแนวทแยง
มุ่งเข้าสู่สัญลักษณ์ ‘ไตคู่’ ขนาดใหญ่ ขับเน้นถึงความมีอำนาจ แฝงความคมคาย ไฟหน้าพร้อมไฟวงแหวน LED
ให้ความรู้สึกเสมือนดวงตาที่จ้องเขม็งอย่างมุ่งมั่น และในด้านหลัง ลายเส้นแนวขวาง ประกอบกับแทร็คที่กว้าง
และซุ้มล้อที่กางออก บ่งบอกถึงความหนักแน่นและมั่นคง สร้างมุมมองที่น่าประทับใจให้กับผู้พบเห็น

นอกจากความสง่างามที่สร้างให้ BMW ซีรี่ย์ 5 ใหม่โดดเด่นกว่าใครในยามกลางวันแล้ว นักออกแบบของ BMW
ได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบไฟส่องสว่างและไฟ LED เพื่อสร้างภาพลักษณ์ยามค่ำคืนที่โดดเด่นได้อย่างน่าอัศจรรย์
ระบบไฟหน้าที่ผสมผสานระหว่างระบบไฟ LED และไฟหน้าแบบไบ-ซีนอน พร้อมกับพื้นผิวโค้งเว้า สร้างแสงเงา
ที่สง่างามอย่างแตกต่าง สำหรับด้านหน้า ไฟท้ายที่ใช้ระบบไฟ LED แนวขวาง ถูกออกแบบให้เฉียงขึ้นเล็กน้อย
พร้อมทั้งอ้อมรอบตัวถังสู่ด้านข้าง ประกอบกับพื้นผิวโค้งเว้า และลายเส้นแนวขวาง สร้างมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์
บ่งบอกถึงความเป็นซาลูนผู้บริหารระดับหรูแม้ยามค่ำคืน

มิติตัวถัง ของ ซีรีส์ 5 ใหม่ ยาวขึ้นกว่ารุ่น E60 เดิม ถึง 58 มิลลิเมตร เป็น 4,899 มิลลิเมตร ในขณะที่
ความกว้างเพิ่มขึ้นอีก 14 มิลลิเมตร เป็น 1,860 มิลลิเมตร แต่ความสูงลดลง 4 มิลลิเมตร อยู่ที่ 1,464 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ ยาวเพิ่มขึ้นจาก รุ่น E60 ก่อนหน้านี้อีก 80 มิลลิเมตร เป็น 2,968 มิลลิเมตร ฐานล้อที่ยาวขึ้นนี้
นอกจากจะช่วยเพิ่มความยาวของห้องโดยสารแล้ว ยังเพิ่มความปราดเปรียวคล่องตัวในการบังคับรถให้กับ
ผู้ขับด้วย ที่สำคัญ ทีมวิศวกรยังออกแบบให้ BMW ซีรี่ส์ 5 ใหม่มีความนุ่มสบายในการขับขี่มากขึ้นกว่ารุ่นเดิม 

ประตูทั้ง 4 บาน ทำจากอะลูมีเนียม น้ำหนักจึงเบากว่าเดิม แต่ยังคง ให้สัมผัสที่หนักแน่น ไม่แพ้รุ่นเดิม
ภายในห้องโดยสารนั้น แทบจะถอดยกชุดออกมาจาก BMW ซีรส์ 7 รุ่นล่าสุด รหัส F01/F02 กันเลยทีเดียว
ดังนั้น รับประกันได้ว่า นั่งสบายชัวร์ๆ

เบาะนั่งคู่หน้า ของทุกรุ่น ที่จำหน่ายในไทย ปรับตำแหน่ง ด้วยไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำ ทำงานร่วมกับ
พวงมาลัย แบบ Multi Sunction และ กระจกมองข้าง พับและปรับ ด้วยสวิชต์ไฟฟ้า

เบาะนั่งคู่หน้า นั่งสบาย ไม่ต่างอะไรกับ เบาะของ ซีรีส์ 7 ใหม่เลย..จริงๆนะ อันนี้ ข้าพเจ้า คอนเฟิร์ม

ส่วนเบาะหลังนั้น ถือได้ว่า แก้ปัญหาในรถรุ่นเดิม ไปจนหมดสิ้น เบาะรองนั่ง สูงขึ้น ยาวขึ้น และนุ่มขึ้น
นั่งสบายขึ้น พื้นที่เหนือศรษะ ก็เพิ่มขึ้นอีก 13 มิลลิเมตร ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอ ที่วางแขน เมื่อพับลงมา
มีที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง ซึ่ง สามารถ ปรับเลื่อนขนาด ให้เหมาะสมกับ แก้วที่จะวางลงไปได้อีกด้วย!

เพียงแต่ว่า เมื่อเข้าไนั่งด้านหลังแล้ว อาจจะรู้สึกได้ถึงความ แน่น จนบางคนอาจคิดว่า อึดอัดกว่าเดิม
แต่ในภาพรวม ผมมองว่า ดีกว่า E60 อย่างชัดเจน เพราะรุ่นเดิมนั้น นั่งด้านหลังแล้ว ร่างจะจมลงไป
กับเบาะเลย

แผงหน้าปัด วาง Layout เหมือน ซีรีส์ 7 ใหม่ แทบไม่ผิดเพี้ยน มีระบบ iDrive ยุคใหม่ มาพร้อม
สารพัดระบบอำนวยความสะดวกมากมาย ตามสไตล์ของ BMW รุ่นหรูๆ เช่น ระบบนำทางผ่าน
ดาวเทียม GPS โดยใช้ข้อมูลจาก Harddisk 20GB ระบบ Bluetooth ฯลฯ อีกมากมาย
รายละเอียด ไปหาอ่านเอาได้ ในตารางสเป็ก ด้านล่างของบทความนี้ เพราะเยอะมาก
จนขี้เกียจเขียนแล้วครับ

ในช่วงแรกของการเปิดตัว BMW Thailand สั่งนำเข้า ซีรีรส์ 5 ใหม่ มาเปิดตัว 3 รุ่น
แต่พร้อมขายในทันที 2 รุ่น คือ 535i และ 530d 

 

 

BMW 535i ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง DOHC 24 วาล์ว  3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี EfficientDynamics  
ทั้งระบบอัดอากาศแบบ TwinPower Turbo ที่ทำงานร่วมกับระบบแปรผันวาล์วอัจฉริยะ VALVETRONIC
ถือเป็นเครื่องยนต์รุ่นแรก ที่วิศวกรของ BMW ได้ประยุกต์ทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้เข้าด้วยกัน ระบบ TwinPower Turbo
ทำงานโดยใช้หลักการของ Twin-Scroll คือ แบ่งช่องทางเดินไอเสียที่จะป้อนเข้าสู่ระบบเทอร์โบเป็นสองทาง
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศเสมือนกับการใช้ระบบเทอร์โบคู่ แต่ประหยัดพลังงานมากกว่า โดยเฉพาะ
ในเรื่องของระบบหล่อเย็นของเทอร์โบ ในขณะเดียวกัน ระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC
จะทำหน้าที่ป้อนอากาศในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของเครื่องยนต์ตลอดทุกช่วงรอบ
มาพร้อมระบบฉีดน้ำมัน HPI High Precision Injection

ผลิตกำลังสูงสุดถึง 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 400 นิวตันเมตร ระหว่างรอบเครื่องยนต์ 1,200-5,000 รอบ/นาที
ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง
6.1 วินาที อีกทั้งยังมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย  11.9 กิโลเมตร/ลิตร และค่าเฉลี่ยอัตราการคายไอเสีย
คาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 195 กรัม/กิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU

ส่วนรุ่น BMW 530d ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบ เรียง DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียม
น้ำหนักเบา พร้อมด้วยเทคโนโลยีอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผันและเทคโนโลยีระบบฉีดน้ำมันด้วยหัวฉีด
Piezo ที่สามารถฉีดน้ำมันด้วยแรงดันสูงถึง 1,800 บาร์ มีน้ำหนักเพียงแค่ 185 กิโลกรัมเครื่องนี้สามารถผลิต
กำลังสูงสุดได้ถึง 245 แรงม้า แรงบิดมหาศาลถึง 540 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 1,750-3,000 รอบ/นาที
และกำลังสูงสุดถึง 245 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า 8 จังหวะ ให้อัตราเร่งจาก 0-100
กิโลเมตร/ชั่วโมงภายในเวลาเพียง 6.3 วินาที อีกทั้งยังมีความประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ดีที่สุดในกลุ่ม ด้วยอัตราสินเปลืองเชื้อเพลิงดีถึง 16.4 กิโลเมตร/ลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนได
อ๊อกไซด์เพียง 160 กรัม/กิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU

เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า BMW 530d รุ่นใหม่นี้มีกำลังเพิ่มขึ้นถึง 10 แรงม้าหรือ 4 % แรงบิด
เพิ่มขึ้น 8% หรือ 40 นิวตันเมตร ซึ่งทำให้สามารถมีอัตราเร่งที่ดีกว่าเดิมอีก 0.5 วินาที และที่สำคัญ คือ
สมรรถนะที่สูงขึ้นนั้นมาพร้อมกับอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้นถึง 8% และอัตราการคายไอเสีย
คาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยลง 10%

ทั้งคู่ ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่เหนือชั้นกว่าทั้งระบบเกียร์อัตโนมัติและระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ในปัจจุบัน
สามารถให้ทั้งสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งความนุ่มนวลในการ
เปลี่ยนเกียร์ ในขณะเดียวกัน ยังมีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา

อีกทั้งยังมีการสูญเสียกำลังที่เกิดขึ้นเนื่องจากแรงเสียดทานภายในระบบน้อยมาก ในการเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้ง
จะอาศัยการเปิดคลัทช์เพียงสองชุดเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะทำให้มีประสิทธิภาพสูงแล้ว ยังช่วยให้เกิดความร้อน
ในระบบน้อยด้วย และด้วยจำนวนชุดเกียร์ที่มีมากถึง 8 ชุด ทำให้มันสามารถมีอัตราทดเกียร์ยาวขึ้นในเกียร์สูง
อีกทั้งยังมีระบบบริหารเกียร์ที่ควบคุมด้วยสมองกลอิเลคทรอนิคที่ช่วยทำให้มันเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างเหมาะสม
และนุ่มนวลในทุกช่วงความเร็วและประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยมอีกด้วย

BMW 535i และ BMW 530d ยังมาพร้อมกับระบบฟังก์ชั่น Sport Automatic ซึ่งเป็นระบบเสริมของเกียร์อัตโนมัติ
ลูกนี้ ซึ่งนอกจากจะมีดีไซน์พิเศษสำหรับคันเกียร์ที่คอนโซลกลางแล้ว ยังมีระบบแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย
ที่ใช้ระบบการเปลี่ยนเกียร์แบบเดียวกับในรถ BMW M ทั้งหลาย คือ เปลี่ยนเกียร์ขึ้นด้วยแป้นด้านขวาและเปลี่ยน
เกียร์ลงด้วยแป้นด้านซ้าย

นอกจากนี้  BMW ซีรี่ส์ 5 ใหม่ยังมีนวัตกรรมช่วงล่างทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมน้ำหนักเบา
ระบบกันสะเทือนหน้า เป็นแบบ ดับเบิลวิชโบน ส่วนด้านหลัง เป็นแบบ มัลติลิงค์ Integral V ด้านระบบบังคับเลี้ยว
คราวนี้ วิศวกรของ BMW เลือกใช้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า ที่นอกจากสามารถให้การบังคับควบคุมได้อย่างเฉียบคมแล้ว
ยังช่วยประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย และทั้ง BMW 535i และ BMW 530d มาพร้อมกับอ๊อปชั่นระบบเลี้ยวสี่ล้ออัจฉริยะ
Integral Active Steering เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับทั้งผู้ขับและผู้โดยสารอีกด้วย ในความเร็วต่ำ เมื่อหักพวงมาลัย
ล้อคู่หลัง จะเบนตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับ ล้อคู่หน้า เพื่อให้วงเลี้ยวแคบ แต่ เมื่อใช้ความเร็วเดินทาง ล้อคู่หลัง
จะเบนตัวไปในทิศทางเดียวกับล้อคู่หน้า พื่อช่วยให้เปลี่ยนเลนได้มั่นคงยิ่งขึ้น เทคโนโลยีนี้ ยกมาจาก ซีรีส์ 7 รุ่นล่าสุด

ส่วน 523 i นั้น จะเป็นรถรุ่นประกอบในประเทศ รุ่นประเดิม ซึ่งพร้อมจะทำตลาดจริง
ในอีกไม่กี่อึดใจ ถือว่างานนี้ BMW Thailand ซุ่มวางแผน เปิดตลาด กันมาค่อนข้างดีมาก

ภายในห้องโดยสาร ของรถคันที่นำมาโชว์ เป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่ง สวยมาก และผมว่า
สวยกว่า สีเบจ เสียอีก เบาะคู่หน้า ดูเหมือนว่าให้มาชุดเดียวกันกับ 530d 

ส่วนเบาะหลัง ก็ให้บรรยากาศ ที่เหมือนกัน…

เครื่องยนต์ของ 523i :  ถ่ายรูปมาให้ชมกัน แต่ไม่ได้ถ่ายสเป็กมาให้ ขออภัยด้วย

นับจากนี้ จะเป็นข้อมูล รายละเอียดทางเทคนิค ของทั้ง 535i และ 530d ส่วนราคา จะอยู่ด้านล่างสุด

ราคาจำหน่าย

รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม BSI BMW Service Inclusive 5 ปี / 100,000 กิโลเมตร

 

BMW 535i (CBU) : 7,599,000 บาท

BMW 530d (CBU): 7,299,000 บาท

BMW 523i (CKD) : 3,799,000 บาท

BMW 523i HighLine (CKD) : 4,249,000 บาท

—————————————–///————————————————