Toyota Crown ถือเป็นรถยนต์รุ่นเก่าแก่ที่สุดของ Toyota รุ่นหนึ่ง ที่ยังคงทำตลาดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่เริ่มเดินสายการผลิตรุ่นแรก ที่โรงงาน Koromo Plant (ปัจจุบันคือ Honsha Plant) เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1955 มีทายาทสืบทอดความหรูหราต่อกันมามากถึง 15 เจเนอเรชั่น โดยรุ่นปัจจุบัน (รหัส S220) เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2018 ที่ประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบที่ยังคงความภูมิฐาน มีมาดความเป็นผู้ใหญ่ ทว่าทรวดทรงองเอว โดยเฉพาะครึ่งคันหลังนั้น ดูปราดเปรียวมากขึ้นกว่าเดิมอยู่พอสมควร
ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา ก็มีการเพิ่มความสดใหม่ให้กับ Crown รุ่นปัจจุบัน ด้วยการปรับดีไซน์บริเวณแผงแดชบอร์ดด้านหน้าใหม่ ยกชุดหน้าจอแสดงผลตรงกลางแบบ 2 ชั้น (Split-Screen) ออกไป แทนที่ด้วยหน้าจอเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่โตขึ้นเป็น 12.3 นิ้ว ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น และเข้าใกล้ลำตัวผู้ขับขี่มากขึ้น นอกจากนี้ ช่องแอร์ตรงกลางยังถูกย้ายจากด้านข้าง มาอยู่ด้านล่างของหน้าจอ เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการติดตั้งแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศแบบปุ่มกด และแบบสวิตช์หมุน ที่มีสะดวกต่อการใช้งานมากกว่าการสัมผัสที่หน้าจอแบบรุ่นเดิม
ด้านขุมพลัง ยังคงมีให้เลือก 3 พิกัด ดังนี้
2.0 liter Direct Injection Turbo
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 8AR-FTS แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี. เทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 86.0 x 86.0 มิลลิเมตร กำลังสูงสุด 245 แรงม้า (PS) ที่ 5,200 – 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,650 – 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super ECT 8 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
2.5 liter Dynamic Force Engine Hybrid System
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส A25A-FXS แบบ 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5 x 103.4 มิลลิเมตร กำลังสูงสุด 184 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,800 – 5,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 143 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร รวมพละกำลังทั้งระบบอยู่ที่ 226 แรงม้า (PS) ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
V6 3.5 liter Multi-stage Hybrid System
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 8GR-FXS แบบ V6 ขนาด 3.5 ลิตร 3,456 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 94.0 x 83.0 มิลลิเมตร กำลังสูงสุด 299 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 356 นิวตันเมตร ที่ 5,100 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 180 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร รวมพละกำลังทั้งระบบอยู่ที่ 359 แรงม้า (PS) ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
นอกจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน Crown (MY2021) แล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหนังสือพิมพ์รายวัน “Chunichi Shimbun” ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีความน่าความเชื่อถือค่อนข้างสูง รายงานว่า Toyota มีแนวโน้มที่จะพัฒนา Crown รุ่นต่อไป ให้ออกมาในรูปแบบรถยนต์อเนกประสงค์ใต้ท้องสูง หรือ SUV ซึ่งมีกระแสความนิยม รวมถึงจำนวนยอดขาย มากกว่ารถยนต์ประเภท Sedan เพื่อเป็นการรักษาชื่อ Crown ที่มีเรื่องราวความเป็นมาอย่างยาวนาน ให้ยังคงอยู่ต่อไปได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า Crown รุ่นใหม่ ในร่าง SUV ที่คาดว่าจะมาถึงในช่วงปี 2022 นั้น อาจถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม TNGA-K เช่นเดียวกับ Toyota Highlander และส่งไปขายยังตลาดอื่นนอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น อาทิ สหรัฐอเมริกา และจีน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ข่าวคราวที่เกิดขึ้น ยังไม่ได้ถูกยืนยันจาก Toyota แต่อย่างใด อาจเป็นเพียงการโยนหินถามทางเท่านั้น เพราะการนำชื่อรถยนต์ที่มีอัตลักษณ์สูง และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 65 ปีมาใช้ อาจทำให้เหล่าบรรดาดีลเลอร์ และลูกค้ากลุ่มอนุรักษ์นิยมทั้งหลาย เกิดความไม่พึงพอใจ เช่นเดียวกับตอนที่พวกเขาคิดจะเปลี่ยนโครงสร้างของ Crown เจเนอเรชั่นที่ 8 (1987 – 1991) จาก Body On Frame มาเป็นแบบ Monocoque Crown นั่นเอง
ที่มา : chunichi.co.jp