หากคุณผู้อ่านลองไปถามผู้ติดตามข่าวสารรถยนต์ในอินเดียว่าแบรนด์ Maruti Suzuki ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรในอินเดียนั้นขจรขจายแค่ไหน?

ความยิ่งใหญ่ของมันดูเหมือนจะยิ่งใหญ่กว่า Toyota ในบ้านเราที่ครองส่วนแบ่งการตลาด 40% แต่พี่เบิ้ม Maruti Suzuki ทำได้ดีกว่านั้นเพราะพี่แกครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% ตลอดระยะเวลานานมากกว่า 25 ปี ชนิดที่ยังไม่มีใครจะมาโค่นล้มความยิ่งใหญ่ได้

 
 

แต่สังขาร ลาภยศสรรเสริญย่อมไม่เที่ยงอันเป็นสัจธรรมในชีวิตเรา Maruti Suzuki ก็เช่นกัน พวกเขาต้องยอมรับสภาพการแข่งขันในตลาดรถยนต์อินเดียอย่างรุนแรงชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 25 ปีนี้ เพราะตลาดอินเดียถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นมหาศาลตามจำนวนประชากรอันล้นหลาม

คู่แข่งทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าต่างเร่งสปีดพัฒนาตนเองเพื่อให้ได้ลูกค้าทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ ราคาประหยัดที่มีคุณภาพโดนใจชาวอินเดีย โดยเฉพาะการนำรถยนต์รุ่นใหม่  ๆ ในตลาดโลกมาจำหน่ายในราคามิตรภาพที่ย่อมได้เปรียบกว่ารถตกรุ่นค้างปีบางรุ่นที่ไม่สามารถกดราคาให้ต่ำได้มาก

การแข่งขันที่รุนแรงถาโถมใส่ไม่หยุดยั้ง เมื่อผนวกกับ Maruti Suzuki ไม่สามารถผลิตรถยนต์ได้ทันความต้องการเสียที นี่จึงเป็นที่มาของส่วนแบ่งการตลาด Maruti Suzuki ลดลงต่ำกว่า 50% ในรอบมากกว่า 25 ปี

Maruti Suzuki ทำยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรกประจำปี 2010 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดตกต่ำลงเหลือ 47% ลดลงกว่า 6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

รถยนต์รุ่นดังที่แย่งส่วนแบ่งการตลาด Maruti Suzuki สำเร็จประจำปีนี้มีด้วยกันถึง 3 รุ่นคือ Tata Nano ที่คิดมาต่อกรกับ Maruti Suzuki 800 โดยตรงจนดันส่วนแบ่งการตลาดแบรนด์ Tata อยู่ในระดับ 14.8% เมื่อเดือนที่แล้ง, Ford Figo มันคือ Ford Fiesta ตกรุ่นที่สามารถทำราคาได้ต่ำมาก และ Chevrolet Spark ก็มียอดขายสูงจนแย่งตลาดรถเล็กทรงสูงได้

เมื่อวิเคราะห์ปัญหาส่วนแบ่งการตลาดตกลงไปอย่างแท้จริงเราก็จะพบปัญหาใหญ่ประการหนึ่งคือ Maruti Suzuki ไม่สามารถผลิตรถยนต์ป้อนได้ทันความต้องการของลูกค้า ทำให้ Maruti Suzuki ไม่อาจจะขยับตัวให้มียอดขายทิ้งห่างคู่แข่งได้ไกลกว่านี้แล้ว

ดังนั้น วิธีแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดของ Maruti Suzuki คือจำเป็นต้องปรับปรุงสายการผลิตให้เดินเครื่องได้สะดวกโยธินมากกว่านี้ Maruti Suzuki ไม่รอช้าเร่งวางแผนปรับปรุงโรงงานแก้ไขจุดคอขวดเจ้าปัญหาช่วยเพิ่มกำลังการผลิตถึง 2.5 แสนคันภายในปี 2012

นั่นก็เป็นแผนการแก้ปัญหาในระยะกลาง แต่แผนการตลาดระยะสั้น Maruti Suzuki ต้องรับมือกับการเปิดตัว Nissan Micra, Toyota Etios และ Honda A-segment ที่จะมาแย่งส่วนแบ่งการตลาดได้ หาก Maruti Suzuki ไม่สามารถขยายกำลังการผลิตเพื่อดันยอดขายให้ทิ้งห่างคู่แข่งมากกว่านี้
ส่วนรถคู่แข่งระยะกลางก็ต้องต้อนรับกับการบุกตลาดของรถเล็กราคาถูกกันยกใหญ่ เห็นทีศึกรอบด้านของ Maruti Suzuki ดูจะท้าทายมากที่สุดในรอบ 25 ปีนี้