เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้เขียนได้อ่านกระทู้สนทนาหัวข้อน่าสนใจหนึ่งซึ่งมีสมาชิกท่านหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นในทำนองที่ว่า “ถ้า
ของดีจริง ลูกค้าก็หันมาซื้อเอง” นั่นก็เป็นความจริงของบริษัทที่ผลิตสินค้าทุกชนิดต้องทำ เพราะถ้าขายของห่วย บริษัทก็คง
ล้มละลาย แต่ในโลกแห่งความจริง ต่อให้สินค้าดีแค่ไหน มันก็ต้องพึ่งพาการวางแผนกลยุทธ์และการประชาสัมพันธ์ที่
ถูกต้องและถูกเวลาด้วยอยู่ดี มิเช่นนั้นสินค้าที่ดีที่สุดในโลกก็ต้องหายไปจากโลกได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างก็เห็นมาเป็นล้าน
แล้ว
เปรียบเสมือนภาพลักษณ์ของ Kia ในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งจะมาดีเอาตอนช่วงนี้ และดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อสำนัก J.D.Power ได้
สำรวจดัชนีคุณภาพจนได้อันดับ 2 ของตารางต่อจาก Porsche (แม้เป็นการสำรวจการใช้งานเพียงแค่ 90 วันก็ตาม) แต่
ทว่ากรุงโรมมันไม่ได้สร้างแค่วันเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์ที่เคยมีภาพลักษณ์ห่วยอย่าง Kia
สมัยก่อน Kia เคยขายรถเน้นตัดราคาเป็นสำคัญอย่างที่เคยเห็นจากรุ่น Sephia และ Spectra ส่วนคุณภาพในระยะสั้น
หรือระยะยาวก็ไม่ได้สนใจมาก สนเพียงแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าหันมาซื้อก่อน จนทำให้ Kia มีดัชนีคุณภาพที่ย่ำแย่เอา
มาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้วก็พบว่า Kia ตกอันดับที่ 30 กันเลย
ดังนั้น Kia จึงขอตั้งเป้าพัฒนาคุณภาพรถยนต์ให้แตะอันดับ 1 จากการสำรวจจาก J.D.Power ให้จงได้ซึ่ง Kia ก็ใช้เวลา
เรียนรู้การพัฒนาคุณภาพจาก Toyota มานานนับทศวรรษ
Tim Chaney รองประธานฝ่ายสื่อสารการตลาด Kia Motor อเมริกาเผยว่า ลูกค้าที่คิดจะซื้อรถยนต์ในระยะยาวหรือกลุ่ม
ลูกค้าที่อยู่ในวงจรการพิจารณาส่วนมากยังไม่ให้ความสนใจกับรถยนต์ Kia นัก แต่วันนี้พวกเขาก็มั่นใจว่าจะจับกลุ่มลูกค้า
เหล่านี้อย่างรวดเร็วได้
สำนักข้อมูล ALG ได้ลงมาสำรวจความคิดของลูกค้าชาวอเมริกันที่มีต่อแบรนด์รถยนต์ก็พบว่า ชาวอเมริกันยังมอง Kia
เป็นรถที่มีคุณภาพต่ำรองบ๊วยอันดับ 3 ต่อจาก Scion และ Smart ในขณะที่ Hyundai กลับมีภาพจำด้านคุณภาพดีใน
อันดับกลางของตาราง
Larry Dominique ประธานสำนักข้อมูล ALG ในเครือ Truecar กล่าวว่า ปัญหาของ Kia ไม่ใช่รถที่ไม่มีคุณภาพ แต่
ปัญหาของ Kia คือไม่สามารถสร้างภาพจำให้แก่คนทั่วไปรับรู้ว่า Kia เป็นรถคุณภาพดี หนำซ้ำลูกค้าชาวอเมริกันยังมองว่า
รถยนต์ยี่ห้อ Honda และ Toyota เป็นรถที่น่าเชื่อมากที่สุด
Larry Dominique เคยดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายขาย Nissan Motor อเมริกาเหนือก็เผยว่า Nissan จำเป็นต้องอัด
เงิน 1,000 – 2,000 ดอลลาร์ต่อคันเพื่อดึงยอดขายจาก Honda และ Toyota ที่มีภาพความทรงจำด้านคุณภาพรถ
แข็งแกร่งกว่า
เขายังแสดงความคิดเห็นว่า หากบริษัทรถต้องการทำกำไรสูงสุด บริษัทรถต้องนำเสนอจุดขายความพรีเมี่ยมที่ดีกว่าภายใต้
มูลค่าสิ่งของที่ไม่สูงนักซึ่งแบรนด์รถยนต์จากเกาหลีใต้ยังตั้งราคาสูงไม่ได้ แต่พวกเขาก็ขยับไปยังทิศทางที่ถูกต้องแล้ว
ถึงกรุงโรมยังสร้างไม่เสร็จ แต่ Kia ก็ต้องลงแรงโบกปูนโบกเสาโม่อิฐเพื่อวางรากฐานกันต่ออย่างหนักหน่วงด้วยการอัด
โฆษณาใน Search Engine และ Social Network หลังจากที่ Kia Soul และ Sorento ได้รับการขนานนามว่าเป็นรถที่มี
คุณภาพดีสุดในเซกเมนต์ทันทีที่ประกาศเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน
Tim Chaney ก็ยังเผยว่าโฆษณาโทรทัศน์และโรงภาพยนตร์ก็กำลังเตรียมฉายในช่วงฤดูร้อนนี้
ก็เรียกว่าถ้ามีของดีแล้ว ต้องโปรโมตให้เป็นให้ตรงจุด การลงโฆษณาผ่าน Social Network ก็คือการสำรวจปฏิกิริยา
ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายโดยตรงนั่นเอง
หมดยุคแล้วที่ของดีไม่จำเป็นต้องโฆษณา!
ที่มา : Automotive News