หลังจากให้ประชากรไทยได้ใช้ Nissan March เจเนเรชั่นที่ 4 รหัสตัวถัง K13 ก่อนใครในโลกถึง 4 เดือนเต็มจนเกิดกระแสรอรถนานข้ามปีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่ Nissan Cefiro A31 ทำตลาดในปี 1990 เป็นต้นมา

คราวนี้ประชากรชาวญี่ปุ่นก็เพิ่งจะมีโอกาสสัมผัส Nissan March K13 พร้อมกับชาวโลกประเทศอื่น ๆ เขาบ้างเสียที แม้จะทำตลาดช้ากว่าไทยแต่ก็มอบอุปกรณ์ติดรถครบครันตามประสาประเทศต้นตำรับ หนำซ้ำยังเปิดตัว March เวอร์ชัน Bolero อย่างเป็นทางการอีกด้วย

Nissan March เจเนเรชั่นที่ 4 รหัสตัวถัง K13 เผยโฉมครั้งแรกในโลกที่งาน Geneva Motorshow 2010 ต้นเดือนมีนาคม แต่มิได้หมายความว่าลูกค้าชาวฝรั่งหัวทองจะได้ใช้ March หรือ Micra ก่อนชาวโลกเหมือนหลาย ๆ รุ่นที่ผ่านมา

กลับกลายเป็นว่าลูกชาวไทยได้ใช้รถคันนี้ก่อนใครในโลกตามที่ Nissan บริษัทได้วางแผนให้นำรถรุ่นนี้มาช่วยกอบกู้ชื่อชั้นและยอดขาย Nissan ให้ค่อย ๆ ฟื้นตัวจากความตกต่ำที่เริ่มก่อตัวสะสมจนแสดงให้เห็นอาการบาดเจ็บสาหัสในช่วงปี 2005-2007

เราต้องขอขอบคุณบุคคลที่ทำให้ชาวไทยได้ใช้ Nissan March เจเนเรชั่นที่ 4 ก่อนใครในโลกก็คือคุณ เทียรี่ เวียดิว มือขวาของท่านประธานคาร์ลอส กอส์นนั่นเอง

และสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ Nissan March K13 ต้องเปิดวางขายครั้งแรกในโลกก็เพราะ Nissan ต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์รุ่นนี้ส่งออกทั่วเอเชีย รวมไปถึงต้องส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่นด้วย อันเนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสามารถผลิตสินค้าคุณภาพสูงภายใต้ต้นทุนการผลิตต่ำซึ่ง Nissan เพิ่งทำพิธีส่งออก March K13 จากประเทศไทยไปยังญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2010 ให้ทันกำหนดเปิดตัวภายในวันที่ 13 กรกฏาคม 2010

วันนี้ขบวนการ Nissan March หลากสีก็ได้ฤกษ์เปิดตัวแดนอาทิตย์อุทัยกันเสียทีโดยชูจุดขายที่โดดเด่นหลายประการ

March ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มเปิดตัวตั้งแต่ ปี 1982 รหัส ตัวถังK11 นอกจากนั้นยังส่งไปทำตลาดในยุโรปจนโด่งดังจนถึงปัจจุบันนี้ Nissan เคลมว่ายอดขายตั้งแต่ K11 จนถึง K13 ที่เพิ่งตกรุ่นไปมียอดขายสะสมถึง 5.65 ล้านคันทั่วโลกแล้ว แม้ว่า Nissan March จะทำตลาดหลักเพียงแค่ตลาดญี่ปุ่นและยุโรปก็ตาม

Nissan March เจเนเรชั่นที่ 4 รหัสตัวถัง K13 ชูจุดเด่นของบุคลิกรถโดยรวมว่า User Friendly เป็นรถยนต์ที่ใช้งานง่ายสำหรับทุก ๆ คน อันเป็นแนวคิดหลักในการพัฒนาตั้งแต่ March K11 จนถึงรุ่นใหม่ที่ต่อยอดเป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดทั้งไทยและญี่ปุ่น สาเหตุสำคัญยังยืนหยัดกับบุคลิกรถที่เรียบง่ายก็เพราะว่ารถเล็กสมัยนี้เริ่มนำพาตนเองไปสู่มาดสปอร์ตเข้าไปทุกวันและละทิ้งความเรียบที่หลายคนมองว่าเชยสะบัดทิ้งไป จนยากที่จะหารถเล็กที่เหมาะสมกับครอบครัวขนาดเล็กยากเต็มทน

ดีไซน์ภายนอกแทบจะไม่ต้องอธิบายกันแล้วว่าเป็นอย่างไรสรุปแค่สั้น ๆ ว่าก็เหมือนกับ Nissan March ที่จำหน่ายในเมืองไทยทุกประการ หากจะสรุปสั้น ๆ แบบนั้นคงง่ายไปนิด ผมเลยหาประเด็นใน Press Release มาลงเพิ่มบ้างดีกว่า

Nissan เคลมว่ารถคันนี้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าเดิม คาดว่า Nissan March K13 น่าจะมีตำแหน่งเบาะนั่งที่สูงกว่านั้นเล็กน้อย และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ 0.32 ถือว่าไม่เลวนัก

การออกแบบตัวรถที่ไม่ได้เน้นความโฉบเฉี่ยวแบบหน้าลาดท้ายยกกระจกเฉี่ยวไซด์โค้งเหมือนกับรถคู่แข่ง B-segment ในตลาดนัก นั่นก็เพราะ Nissan วางแนวคิดให้เป็นรถที่ใช้งานง่ายจึงมีเนื้อที่กระจกรอบคันโปร่งตา มีทัศนวิสัยที่ดีเกือบทุกจุดทำให้การขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัดหรือจอดรถในที่แคบก็ไม่มีปัญหามากนัก

จุดเด่นอีกประการหนึ่งคืออัตราสิ้นเปลืองที่ Nissan เคลมว่าดีที่สุดในรถประเภท B-segment หรือซับคอมแพคท์ในญี่ปุ่นที่มีความจุกระบอกสูบตั้งแต่ 1.0 ลิตรจนถึง 1.5 ลิตร ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุด 26 กิโลเมตรต่อลิตรเมื่อวัดด้วยโหมด 10/15 สำหรับ Nissan March รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (อันเป็นมาตรฐานที่ค่อย ๆ เลิกใช้แล้วหันมาวัดตามมาตรฐาน JC08 ที่เข้มงวดกว่า และมีความเป็นไปได้สูงว่ามาตรฐานวัดอัตราสิ้นเปลืองอีโคคาร์น่าจะโหดกว่าโหมด 10/15)

ต้องยกคุณงามความดีเครื่องยนต์ HR12DE บล๊อกเดียวกับบ้านเรา 3 สูบ 12 วาล์ว1,198 ซีซี วาล์วแปรผัน CVTC 79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 10.8 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์ XtronicCVT ลูกใหม่ พร้อมติดตั้งระบบ Idle Start-Stop

จุดเด่นของ Nissan March คือสีสันที่สาดใส่แบบจี๊ดจ๊าดกว่าเส้นสายตัวรถซึ่งที่ญี่ปุ่นจะมีสีที่เมืองไทยไม่มีจำหน่าย 4 สีคือ ม่วงเข้ม Night Veil Purple, สีแดง Burning Red, สีทองโอรส Champagne Gold และสีน้ำเงิน Pacific Blue

Nissan เคาะราคา March K13 สุดช๊อกด้วยราคาเริ่มต้นแค่ 999,600 เยน ราคาต่ำกว่ารถขนาดเดียวกันที่วางเครื่องยนต์แค่ 1.0 ลิตรด้วยซ้ำ ไล่ราคาจนไปถึงรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อออพชั่นบนสุดราคา 1,644,300 เยน ตั้งเป้าขายต่อเดือนเบาะ ๆ ระดับ 4,000 คันต่อเดือน

นอกจากนี้ Nissan March ยังเปิดตัวเวอร์ชันตกแต่งคลาสสิคที่ลูกค้าชาวไทยอยากได้มาครอบครองนั่นก็คือ Bolero ซึ่งถือว่า Nissan ออกแบบให้แตกต่างจากเวอร์ชันก่อน ๆ พอสมควร เพราะ Bolero เวอร์ชันนี้จะออกแบบเอาใจกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถเล็กมาดคลาสสิคได้ทั่วถึงทุกวัยกว่ารุ่นก่อนที่ออกแนว Aggressive เน้นกลุ่มลูกค้าผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่

Nissan March K13 Bolero Version มาพร้อมกระจังหน้าขวางยาวลายตะแกรงคลาสิคมาตรฐานและขยายช่องกระจังหน้าให้ใหญ่โตขึ้นกว่า March เวอร์ชันปกติพร้อมชุดกันชนหน้าแบบใหม่ที่ออกแบบมาแนวโฉบเฉี่ยวทันสมัยขึ้น สาดสีตัวถังด้วยสีม่วงเข้มและติดตั้งลายฝาครอบล้อทรงใหม่

ภายในห้องโดยสาร March Bolero เปลี่ยนวัสดุผ้าลายใหม่ที่ดูเนียนตากว่าเดิมและสาดสีม่วงแซมบริเวณพนักพิงหลังและเบาะรองรับต้นขา

ลูกค้าในไทยหลายคนที่ถามหา March Bolero กันอุ่นหนาฝาคั่งซึ่งเราไม่แน่ใจว่า NMT จะสนองลูกค้าที่ต้องการความแตกต่างเหล่านี้หรือไม่? แต่เท่าที่เราสืบทราบจากเว็บบอร์ดคลับแห่งหนึ่งมีคนโพสต์ใบ้ ๆ บอกว่า March Bolero Asean Version เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2010 นี้ !! เหลืออีกราว 4 เดือนเราก็จะรู้ว่ามันเป็นความจริงกันหรือเปล่า?