Nissan X-trail เจเนเรชั่นประสบความสำเร็จอย่างดีในตลาดญี่ปุ่นมากกว่าเจเนเรชั่นที่แล้ว ก็เพราะ X-trail รุ่นแรกสร้างชื่อเสียงไว้อย่างดี แต่นานวันเข้าก็เริ่มเก่าทรุดโทรมเห็นทีจะต้องเปลี่ยนโฉมเสียหน่อยแล้ว
Nissan X-trail เจเนเรชั่นที่ 2 เปิดตัวครั้งแรกในโลกในงาน Geneva Motorshow 2007 ซึ่งตัวรถยังคงความเหลี่ยม บึกถึกทึนเหมือนกับเจเนเรชั่นแรกที่ประสบความสำเร็จในการบุกเบิกตลาดคอมแพคท์เอสยูวีล้นหลาม นัยว่า Nissan อยากจะคงความเป็น X-trail เอาไว้เพื่อจับกลุ่มตลาดถึกบึกบึนไว้บ้าง
แต่ใช่ว่า X-trail เจเนเรชั่นที่ 2 ในยุโรปจะได้รับการตอบรับดีเหมือนรุ่นที่แล้ว อย่าลืมว่า Nissan Qashqai ครอสโอเวอร์ระดับคอมแพคท์คอยกินตลาดอยู่ไม่น้อย แม้ Nissan จะวางตำแหน่งการตลาด Qashqai ให้มาท้าชนรถระดับ C-segment ยอดนิยมอย่าง Volkswagen Golf และ Ford Focus ก็ตาม แต่ลูกค้าทั่วไปบางกลุ่มก็มองภาพกันไม่น่าจะออกว่ารถสองคันนี้ต่างกันอย่างไร ทำให้ลูกค้าบางส่วนตัดสินใจเลือก Qashqai มากกว่า X-trail ที่ดูตกยุคไปแล้ว
ส่วนประเทศไทยเพิ่งวางจำหน่าย X-trail เจเนเรชั่นที่ 2 อย่างเงียบ ๆ ช่วงสิ้นปี 2009 ด้วยการกดสเปคให้ต่ำที่สุดเพื่อจะได้กดราคาขายให้ต่ำเท่าที่จะทำได้ ผลก็คือราคาถูกจริงแค่ 1.05 ล้านบาทเท่านั้น ไม่มีการทำตลาดมากมายนักเพราะยังเข็ดกับการโล๊ะสต๊อก X-trail รุ่นแรกที่ต้องใช้เงินมหาศาลกว่าจะเคลียร์รถที่อยู่ในสต๊อกได้หมดในสมัยขุนช้าง โฮโซกาว่าซังและทีมการตลาดที่ไม่รู้จักตลาดเมืองไทยดีพอ ทำให้ทีมงานไม่วาดฝันกับ X-trail ใหม่มากนักจึงหวังยอดขายแค่น้ำจิ้ม 50-100 คันต่อเดือนเท่านั้น
สำหรับตลาดโลกก็ถือว่า X-trail เจเนเรชั่นที่ 2 มีอายุการตลาดครบรอบ 3 ปีกว่าๆ แล้ว Nissan จำเป็นต้องผลัดหน้าผลัดตาให้ทันสมัยขึ้นบ้างไม่เช่นนั้นมันจะตกยุค
ความเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาภายนอกถ้าดูเผิน ๆ และยังจดจำใบหน้า X-trail ตัวปัจจุบันไม่ได้แล้วล่ะก็บางคนก็คิดว่าเหมือนเดิม แต่หารู้ไม่ว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงหลายจุด ถ้าดูดี ๆ ผมว่าใบหน้ามันอ่อนเยาว์หรืออ่อนต่อโลกมากกว่าเดิมที่มาแนวดุ เข้ม ถึก
ไล่ตั้งแต่ชุดโคมไฟหน้าทรงใหม่ที่ดัดแปลงจากของเดิมแต่ย้ายไฟส่องสว่างกลางคืนจากตำแหน่งชิดกับขอบกระจังหน้าลงมาตำแหน่งด้านล่าง สังเกตให้ดีจะพบว่าทรงโคมไฟหน้าจะย้อยลงมาเป็นติ่งทำให้ห้วนนึกถึง X-trail รุ่นที่แล้วอย่างไรอย่างนั้น
กระจังหน้าทรงใหม่ที่ดูละม้ายกับเอสยูวีรุ่นพี่อย่าง Patrol โฉมใหม่ล่าสุด พร้อมทำมุมลาดเอนมากขึ้นเพื่อให้ดูอ่อนโยนลง โดดเด่นขึ้นด้วยชุดกันชนหน้าแบบใหม่ ขึ้นสันนูนเป็นรูปตัว X
สิ่งที่ทำให้รถดูดีขึ้นอีกระดับก็คือลายล้อแมกซ์ 5 ก้าน 17 นิ้วทรงใหม่ที่ดูละม้ายรถซีดานรุ่นพี่และล้อแมกซ์ 18 นิ้วดูหรูหราขึ้น บั้นท้ายไม่ได้เปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนอันใดนอกเสียจากเปลี่ยนหลอดไฟท้ายแบบ LED ดูทันสมัยขึ้น
ภายในห้องโดยสารใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงมากมายนักถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่าแผงมาตรวัด X-trail Minorchange จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เห็นได้ชัดเจนขึ้น ติดตั้งมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบ Realtime/คำนวณระยะทางหารเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองเหมือนกับรถ Nissan ยุคปี 2008 ขึ้นไป ดั่งที่คุณพบเห็นใน Tiida รุ่นปี 2009, Teana และ March
และฟีเจอร์ใหม่เอาใจคนชอบเดินทางผจญภัยหรือพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัวด้วยช่องเก็บของฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าเป็นติดตั้งเครื่องทำความอบอุ่นและเครื่องทำความเย็นสำหรับแช่เครื่องดื่มหรืออาหารชั่วคราว เราไม่แน่ใจว่ามันจะอุ่นจริงหรือเย็นจริงเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือไม่
เครื่องยนต์กลไกก็ยังคงเดิมเริ่มจากเครื่องยนต์เบนซิน MR20DE, QR25DE และเครื่องยนต์ดีเซลที่ยกชุดจาก Renault บล๊อก M9R 2.0 ลิตรที่เพิ่มชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะเข้ามาให้เลือกด้วย
ระบบขับเคลื่อนถือเป็นจุดเด่นที่หาได้ยากจากเอสยูวีคอมแพคท์ทั่วไป นอกเหนือจากชุดระบบขับเคลื่อน i-AWD แล้วยังติดตั้งระบบช่วยขับขี่ขึ้นเข้าอัจฉริยะ Advanced Hill Descent Control อนุญาตให้ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าความเร็วของรถให้เข้ากับสถานการณ์ทางลาดชันข้างหน้าได้
พิเศษสุด Nissan ยังเอาใจผู้รักการผจญภัยแต่ไม่อยากจะซื้อรถเอสยูวีขนาดเขื่องด้วยการส่ง X-trail Xtreamer แตกต่างด้วยกันชนหน้าบึกบึนดูเข้มแข็งขึ้น
Nissan X-trail Minorchange วางจำหน่ายแล้วในญี่ปุ่นคาดว่าปีหน้าอินโดนีเซียน่าจะเตรียมการปรับโฉมรถรุ่นนี้ด้วยเหมือนกันเพื่อต้อนรับการกลับมาบุกตลาดเอสยูวีอีกครั้งในอาเซียนโดยมีพลพรรคน้องเล็กอย่าง Juke มาร่วมทีมตะลุยด้วย
หากอินโดนนีเซียปรับโฉม X-trail เสร็จเมื่อไร เมืองไทยก็ต้องรับมาขายแบบเงียบ ๆ เช่นเคย แต่ถ้าจะให้ดีควรนำรุ่นที่มีออพชั่นเยอะขึ้น แรงขึ้นมาจำหน่ายผู้ที่สนใจรถคันนี้จริง ๆ จะดีกว่า