ในยุคสมัยนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “Internet” เพราะระบบ Internet ในปัจจุบัน
ได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตผู้คนสมัยใหม่ในแทบจะทุกช่วงจังหวะของชีวิตและในทุกๆด้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารระหว่างคนกับคน
หรือคนกับโลกออนไลน์
ขึ้นชื่อว่าโลกเทคโนโลยี ย่อมไม่มีอะไรหยุดนิ่ง ทุกอย่างต้องมีการก้าวหน้ามีการพัฒนาอยู่เสมอ
ดังนั้นการสื่อสารบนโลกอินเตอร์เน็ต จึงไม่หยุดอยู่แค่การสื่อสารระหว่างคนกับคนอีกต่อไป
เพราะเทรนด์ต่อจากนี้ไป จะก้าวเข้าสู่ยุคของการสื่อสารระหว่างสิ่งของและอินเตอร์เน็ตหรือ Internet of Things (Iot)
ยุคที่ไม่ว่าอะไรก็ตามที่มีไฟฟ้าหล่อเลี้ยง ก็สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้
ไม่ว่าจะรองเท้า ทีวี โคมไฟ บ้าน และอีกหลายอย่าง ก็ได้เข้าสู่ยุค Internet of Things แล้วทั้งนั้น
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา MG Sales (Thailand) ผู้จำหน่ายรถยนต์ “MG”
ได้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ก้าวสู่การพัฒนาไปอีกขั้น เมื่อรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่ง
ที่ได้ก้าวเข้าสู่ยุค Internet of Things เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
MG ได้พัฒนา “inkaNet” ระบบที่สามารถทำให้รถยนต์สื่อสารกับผู้ขับขี่ได้
และเป็นระบบแรกในตลาดที่ทำงานบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย สามารถใช้งานได้สะดวกถึง 3 ช่องทาง
ได้แก่ Smartphone, Computer และ Call-Center ซึ่งให้ความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ได้อีกระดับหนึ่ง
“inkaNet” คือระบบที่ใช้สื่อสารระหว่างรถยนต์และผู้ขับขี่ โดยเชื่อมต่อกันผ่านทาง T-Box
ซึ่งเป็นชุดการสื่อสารบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายในรถยนต์ที่ติดตั้งมาจากโรงงาน
ซึ่งทาง MG ได้พัฒนาขึ้นและเปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ.2553 และได้เพิ่มเติมความสามารถต่างๆ
จนมีฟังค์ชั่นที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ได้อีกมากมาย
ฟังค์ชั่นหลักของ “inkaNet” ได้แก่
– My Vehicle (ตรวจสอบสถานะรถ),
– Showroom (ดูแคตาล๊อคและขอจองคิวทดสอบรถ)
– Personal Center (สำหรับลงทะเบียนและตั้งค่าต่างๆ)
ฟังค์ชั่นในกลุ่มของ My Vehicle ได้ประกอบไปด้วยฟังค์ชั่นย่อยๆอีกมากมาย ได้แก่
1. ระบบติดตามรถยนต์แบบเรียลไทม์ (Real-time Vehicle Monitoring)
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของรถยนต์ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในกรณีที่รถโดนขโมย
จะสามารถติดตามตำแหน่งของรถได้ทันที ผู้ใช้สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือเบื้องต้น
ได้ผ่านทาง Call-Center รวมถึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามรถได้
และสามารถใช้เป็นหลักฐานประกอบในการจับกุมคนร้ายได้
2. ระบบตรวจสอบ วิเคราะห์รถยนต์ (Remote Vehicle Diagnosis)
สามารถช่วยตรวจสอบปัญหาด้านเทคนิคของเครื่องยนต์ในระหว่างการขับขี่ได้
โดยผู้ใช้สามารถตรวจเช็คการทำงานของรถยนต์ได้ เช่น เครื่องยนต์ ระบบเบรค ระบบถุงลมนิรภัย
โดยสามารถตรวจสอบได้ผ่าน Smartphone หรือเว็บไซต์ได้ทันที
3. ระบบแจ้งเตือนความผิดปรกติ (Vehicla Alarm)
ระบบสามารถแจ้งเตือนได้ในกรณีที่รถโดนเคลื่อนย้าย หรือรถมีการสตาร์ทเครื่องยนต์
โดยแจ้งเตือนผ่าน SMS และระบบ Push Notification ในโทรศัพท์ทันที
4. ตรวจสอบสถานะการทำงานของรถ (Vehicle Status Update)
ระบบจะช่วยตรวจสอบระดับปริมาณน้ำมัน ระยะทางที่ขับขี่ แรงดันไฟในแบตเตอร์รี่
ประตูปิดสนิทหรือไม่ เป็นต้น สามารถเช็คผ่านโทรศัพท์ได้ทันที
5. ระบบควบคุมการทำงานของรถ (Remote Vehicle Controlling)
ระบบนี้จะช่วยให้ความสะดวกในการสั่งปลดล๊อคหรือล๊อคประตูรถผ่านโทรศัพท์ได้เลย
หรือเมื่อจอดรถในลานจอดรถขนาดใหญ่แล้วผู้ขับขี่ลืมที่จอดรถ ก็สามารถสั่งการให้รถเปิดไฟหน้า
หรือไฟกระพริบผ่านทาง Application บนโทรศัพท์ได้เลย
นอกจากนี้ยังมีฟังค์ชั่นอื่นๆ เช่น ระบบนำทางที่บอกตำแหน่งของรถ และสถานที่ที่หน้าสนใจ
รวมไปถึงช่วยแนะนำเส้นทางการจราจรที่สะดวกที่สุด
ในการใช้งานครั้งแรก เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน
ผู้ใช้งานต้องมีรถยนต์ MG และลงทะเบียนรถก่อน จึงจะสามารถใช้งานฟังค์ชั่นนี้ได้
และสามารถใช้งานฟังค์ชั่นนี้ได้ทั้งหมด 3 ช่องทาง
ได้แก่ Smartphone, Computer และ Call-Center
“inkaNet คือ นวัตกรรมที่เกิดจากความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าจริงๆ
โดยมีการลงทุนด้านการทำวิจัยและพัฒนา การสร้างสรรค์นวัตกรรม ระบบ inkaNet นี้
สะท้อนแนวคิด Brit Dynamic ของเอ็มจีคือ การออกแบบรถยนต์ที่เกิดจากความเข้าใจ
ความต้องการของผู้ขับขี่ ให้ทั้งสมรรถนะ การควบคุมที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยเหนือระดับ
ซึ่งจะช่วยให้คนไทยได้รับประสบการณ์ในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันก็ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเอ็มจีที่จะเติบโตไปคู่กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
และนำเสนอนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ของลูกค้าทุกคน” มร. หวู่ ฮวน กล่าว
.
ที่มา : MG Sales Thailand