By Gigabright
กลับมาอีกครั้งกับการเสริมความสปอร์ตดุดัน ให้กับกระบะดาวเด่นของแบรนด์อย่าง Ford Ranger ด้วยรุ่นพิเศษที่มีชื่อพ่วงท้ายว่า “Thunder” ซึ่งนับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้วตั้งแต่ Ford Ranger ได้ถูกแนะนำสู่ตลาดโลก มาในครั้งนี้เป็นตาของตลาดยุโรปที่จะได้สัมผัส Ford Ranger Thunder ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 4,500 คันเท่านั้น โดยแบ่งเป็น 1,400 คัน สำหรับสหราชอาณาจักร (United Kingdom)
Ford Ranger Thunder มีพื้นฐานมาจากรุ่น Wildtrak ที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน นำมาตกแต่งด้วยชุดแต่งโทนสีดำเป็นหลักตัดกับสีแดง เริ่มจากกระจังหน้าสามช่องดีไซน์สปอร์ต ตัดขอบทั้งสองช้างด้วยแถบสีแดง, Roll bar ด้านหลังพร้อมเส้นขอบล่างสีแดงรับกับโลโก้แบบอักษรนูนเฉพาะรุ่น “Thunder”
ที่ชายล่างประตูคู่หน้าและฝาท้ายกระบะ มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานที่เป็นวัสดุสีดำรอบคัน ไม่ว่าจะเป็น ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว, แผงกันกระแทกใต้เครื่องยนต์, โคมไฟหน้า-ไฟท้ายแบบรมดำ, กรอบไฟตัดหมอกหน้า, มือจับเปิดประตู และ กันชนท้าย รวมถึงภายในที่ใช้เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ เดินตะเข็บด้ายสีแดง ส่วนสีตัวถังมีให้เลือกเฉพาะสี สีเทา Sea Grey เท่านั้น
ขุมพลังของ Ford Ranger Thunder ได้ถูกเปลี่ยนจากเครื่องยนต์บล็อกเดิม Duratorq TDCi ขนาด 2.2 ลิตร 2,198 ซีซี. มาใช้เป็นเครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบคู่ (ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass)
กำลังสูงสุด 213 แรงม้า (PS) ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมปุ่มเปลี่ยนเกียร์ Manual Mode + – ที่หัวเกียร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ชาวยุโรปสามารถจับจองเป็นเจ้าของ For Ranger Thunder ได้แล้ววันนี้ โดยจะเริ่มทำการส่งมอบรถกันในช่วงหน้าร้อนหรือเดือนมิถุนายน – สิงหาคมเป็นต้นไป โดยสนนราคาอยู่ที่ 32,965 ปอนด์ (ราว 1,280,000 บาท) ซึ่งห่างจากรุ่น Wildtrak ที่ราคา 32,086 ปอนด์ (ราว 1,250,000 บาท) เพียงเล็กน้อย โดยราคาทั้งหมดนั้นเป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย
ที่มา: Ford