BMW วาดฝันรถพลังงานไฟฟ้าในโครงการ Megacity
วิ่งว่อนทั่วเมืองภายในปี 2013 ล้วนแต่เป็นรถเล็กระดับพรีเมี่ยมทั้งนั้น
และออกจะผิดแผกกับรถ BMW ที่เรารับรู้เสมอมา

 
 

แต่เชื่อหรือไม่ว่าจะมีรถสปอร์ตร่วมเป็นรถใน 1 โครงการนั้นด้วย
ที่ยังไม่ชัดเจนคือจะให้รถในโครงการนี้ใช้แบรนด์หลัก BMW หรือแบรนด์ใหม่

Mr Ian Robertson หนึ่งในผู้บริหาร BMW AG ผู้มาเฉลยปริศนา
รถในโครงการ Megacity อย่างกระจ่างแจ้งจนได้ใจความว่า
“ไม่จำเป็นจะต้องจำกัดเพียงแค่รูปแบบเดียว”

ชัดเจน ตรงตัว รถในโครงการ Megacity ไม่จำเป็นจะต้องเป็นรถเล็กอย่างเดียวเท่านั้น
อาจจะเป็นรถซีดานขนาดใหญ่หรู, รถแวกอนยักษ์ หรือแม้แต่รถสปอร์ตสุดปราดเปรียว

รถสปอร์ตไฟฟ้าที่จะมาร่วมหัวจมท้ายกับ Megacity จะถูกพัฒนาจากพื้นฐาน
รถต้นแบบ Vision E.D. Concept แต่จะปรับเส้นสายให้ดูใกล้มนุษย์โลกมากขึ้น
รายละเอียดของรถคันจริงคงไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ในเวลานี้

ก่อนจะถึงเวลานั้น Mr. Ian Robertson ยังเปิดเผยว่า BMW ยังไม่อาจตัดสินใจ
ใช้ชื่อแบรนด์รถในโครงการ Megacity ร่วมกับแบรนด์หลัก BMW หรือจะใช้แบรนด์ใหม่
ดี

แต่ BMW ก็ปรารถนาใช้ชื่อแบรนด์ BMW เป็นหลักโดยมีชื่อแบรนด์รองต่อท้าย
ดั่งเช่นที่ BMW ประสบความสำเร็จกับแบรนด์รอง M ที่เน้นด้านสมรรถนะเป็นหลัก

ขนาดแค่การตั้งชื่อรถรุ่นใหม่ BMW ยังคิดถี่ถ้วนมากกว่ารถยนต์ในไลน์ปัจจุบันเสียอีก
นั่นก็ตอกย้ำความสำคัญของโครงการ Megacity ว่าเป็นโครงการที่เปลี่ยนชีวิต BMW
ในการเป็นผู้นำรถเล็กพลังสีเขียวทันใด

เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้กับรถในโครงการ Megacity แน่นอนคือการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์
อันเป็นวัสดุแห่งอนาคตที่เปี่ยมไปด้วยน้ำหนักเบาดุจพลาสติคและแข็งแกร่งแบบโลหะ
มากถึง 30% มีอัตราส่วนมากกว่าการใช้วัสดุอลูมิเนียม

ผลลัพธ์รถในโครงการ Megacity จะมีน้ำหนักรถเบากว่ารถระดับเดียวกันที่ใช้วัสดุโลหะ
ถึง 30% เพื่อตอกย้ำว่าแม้จะเป็นรถไฟฟ้าแต่ก็มีความสนุกสนานในการขับขี่แบบ BMW

วัสดุดังกล่าวมีต้นทุนสูง หนำซ้ำยังตั้งเป้าผลิตไว้น้อยมาก
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่รถในโครงการดังกล่าวจะต้องมีราคาที่สูงในระดับพรีเมี่ยม

ในเมื่อรถราคาแพงแล้ว BMW ก็ยืนยันว่าจะติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานหนำใจ
และมีทางเลือกให้ลูกค้าสามารถติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานได้ตามชอบใจได้