ช่วงที่ผ่านมา อาจมีข่าวคราวว่า Nissan ประเทศไทย คงจะถอดใจกับ Note e-Power ไปแล้ว เนื่องจากต้องการดันให้ e-Power เข้าหลักเกณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า EV แต่ในความเป็นจริงรถที่มีเครื่องยนต์ไม่สามารถเข้าหลักเกณฑ์รถ EV ได้ ถึงแม้ e-Power จะใช้เครื่องยนต์ในการปั่นไฟ ไม่ได้ขับเคลื่อนก็ตาม แต่มีการปล่อย CO2 จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว
เมื่อ 25 กรกฎาคม 2018 มีการประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้งจากทางภาครัฐ BoI : Board of Investment หรือ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่าได้อนุมัติการลงทุนโครงการใหญ่ของ Nissan Motor (Thailand) เพื่อขยายการผลิตรถยนต์ Hybrid : HEV และ เทคโนโลยี e-Power
เนื้อหามีดังนี้
” บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicle : HEV) และ แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV เงินลงทุนทั้งสิ้น 10,960 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยบริษัทมีแผนที่จะใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่ากว่า 15,920 ล้านบาทต่อปี ” เป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมรุ่น e-Power ” ซึ่งเดิมมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวที่ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นเทคโนโลยีหลักในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียานยนต์จากระบบเครื่องยนต์ในปัจจุบันไปสู่ระบบไฟฟ้า “
ล่าสุดที่เว็บไซต์ของ Nissan ประเทศไทย มีการขึ้นโปรโมทรายละเอียดเบื้องต้นของ ” เทคโนโลยี e-POWER “ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นแสดงว่า ปี 2020 นี้ ลูกค้าชาวไทยน่าจะได้สัมผัสกันอย่างแน่นอน โดยรุ่นที่เป็นตัวเปิด คาดว่าน่าจะเป็น ” Nissan Kicks e-POWER ” โดยมาแทน Note e-POWER ที่พับเสื่อไปแล้วในตอนนี้
https://www.nissan.co.th/experience-nissan/e-power-technology/education.html
Nissan e-POWER
เทคโนโลยี e-POWER คือระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังสูง แบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV โดยนำเทคโนโลยีรถไฟฟ้าจาก Nissan LEAF มาประยุกต์กับเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปที่ไม่เชื่อมต่อกับล้อ เครื่องยนต์ใช้สำหรับปั่นไฟฟ้าลงสู่แบตเตอรี่ แตกต่างจากรถ Hybrid ทั่วไปที่ใช้เครื่องยนต์ส่งพละกำลังลงสู่ล้อด้วย
พูดง่ายๆก็คือ ” เครื่องยนต์เสมือนทำงานในรอบเดินเบา ทำหน้าที่ปั่นไฟเก็บเข้าแบตเตอรี่อย่างเดียว ตัวรถจะถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แต่เติมน้ำมันได้แบบรถปกติทั่วไป “
ขุมพลัง e-POWER
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 1,198 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 5,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บยังแบตเตอรี่ (เครื่องยนต์ไม่มีหน้าที่ขับเคลื่อนส่งพละกำลังลงสู่ล้อ)
เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานให้มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 High Power พละกำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 3,008 – 10,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 254 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,008 รอบ/นาที (เพิ่มขึ้นกว่า e-POWER ที่อยู่ใน Nissan NOTE 29 แรงม้า)
จุดเด่นของระบบขับเคลื่อนแบบ e-POWER
- พอมีเครื่องยนต์ช่วยปั่นไฟ ก็ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ที่จุไฟมากไม่ต้องมีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถวางใต้เบาะแถวหน้า เนื้อที่ท้ายรถคงเดิม
- ในเชิงของ Driving Dynamic นั้น มันดีกว่าการเอาแบตเตอรี่ไปแขวนไว้ท้ายรถ ซึ่งจะเหมือนเอาของหนักไปแขวนท้าย เวลาทิ้งโค้งแรงๆ จะมีโอกาสท้ายกวาดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ
- ที่ไหนมีน้ำมันให้เติม ที่นั่นมันก็วิ่งไปได้หมด ไม่ต้องใช้น้ำมันพรีเมี่ยมดีๆก็ได้ เพราะเครื่องไม่ได้หมุนรอบจัด แค่ติดคาเหมือนเดินเบาสูงกว่าปกติหน่อยแค่นั้น
- แบตเตอรี่ 1.5 kWh ก็จุพอให้ใช้งานแบบเงียบๆได้พักใหญ่ มันไม่ได้โตแบบแบตเตอรี่ของพวกรถ Plug-in Hybrid ที่จุ 9 – 10 kWh และ วิ่งได้ไกล 30 – 40 km. แต่มันก็ยังจุมากกว่าแบตเตอรี่อ่อนหัดของ X-Trail Hybrid ประมาณ 50 – 60% แถมเมื่อน้ำหนักรถเบากว่า ทำให้มันไม่ต้องติดเครื่องบ่อยเหมือน X-Trail Hybrid
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นของ Nissan KICKS
Dimension มิติตัวถัง
- ยาว : 4,384 มิลลิเมตร
- กว้าง : 1,813 มิลลิเมตร
- สูง : 1,656 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,673 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น ground clearance : 210 มิลลิเมตร
- ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย : 400 ลิตร
เทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม B-SUV
- Honda HR-V : 4,294 x 1,772 x 1,605 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร
- Toyota C-HR : 4,360 x 1,795 x 1,565 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร
- Mazda CX-3 : 4,275 x 1,765 x 1,550 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร
- MG ZS : 4,314 x 1,809 x 1,652 มิลลิเมตร / ฐานล้อ : 2,585 มิลลิเมตร
- Nissan Kicks : 4,384 x 1,813 x 1,656 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,673 มิลลิเมตร
สำหรับรายละเอียดของ Nissan Kicks และ เทคโนโลยี e-POWER เวอร์ชั่นไทย ติดตามได้ภายในปี 2020 นี้ หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม ทีมงาน Headlightmag.com จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/73845.0