ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกันจะได้เหยื่อรายใหม่มาสังเวยการกอบกู้สถานการณ์ทางการเงินอันย่ำแย่
ที่สืบเนื่องต่อจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก Hamburger Crisis ในช่วงปลายปี 2008 ถึง ต้นปี 2010 ได้อีกรายหนึ่งแล้ว
เหยื่อรายนี้ มีชื่อว่า Mercury
รายงานล่าสุดจากสำนักข่าว Bloomberg เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2010 ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Ford บางราย
เตรียมยื่นเสนอแผนการยุติบทบาทแบรนด์ Mercury ออกจากตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกา ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
ซึ่งถ้าได้รับความเห็นชอบ และอนุมัติออกมาจริง แบรนด์ Mercury ก็น่าจะถูกยุติบทบาทลงไปอย่างถาวร ภายในปี 2013
เหตุผลของแนวคิดในการยุบแบรนด์นี้ทิ้ง ไม่มีอะไรมากไปกว่า การเป็น “แบรนด์ที่ถูกลืม” ผู้บริหาร ของ Ford มองว่า
ถ้ามันไม่ทำกำไรนัก รถก็ขายไม่ค่อยดี แล้วเรื่องอะไรจะต้องไปทุ่มลงทุนเพื่อดึงยอดขายขึ้นมา เพราะเมื่อเทียบกับเม็ดเงิน
ที่ลงทุนเพิ่มเข้าไป ผลตอบแทนที่ได้ มันไม่คุ้มกันเลยที่จะยังคงลากทำตลาดแบรนด์นี้ต่อไป สู้เอาเงินที่มีอยู่ ไปทุ่มลงทุน
ทำในสิ่งที่ต้องทำอีกมาก น่าจะดีกว่า
แบรนด์ Mercury นั้น ถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 เมื่อ Edsel Ford บุตรชายสุดรักของ Henry Ford ผู้ก่อตั้งบริษัท
(ผู้ที่ต่อมา ถูกนำชื่อของตน มาตั้งเป็นแบรนด์รถยนต์อันอื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์รถยนต์อเมริกัน หลังเสียชีวิตหลายปี)
มีความคิดว่า Ford น่าจะมี แบรนด์รถยนต์ ที่คั่นกลางระหว่าง Ford และ Lincoln ขึ้นมาอีกหนึ่งแบรนด์ พวกเขาก็เริ่มทำ
Mercury Eight ออกขาย และ ในปีแรก ก็ขายได้มากถึงประมาณ 156,000 คัน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากในยุคสมัยที่
รถยนต์ ยังเป็นของใหม่ที่คนทั่วไปเพิ่งเริ่มจะคุ้นเคย มาได้ แค่ 30 ปี ยุคที่เฟื่องฟูที่สุด ของ Mercury คือ ยุค 1950-1970
อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับ ยุคทองของอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา
ยอดขายของ Mercury เคยพุ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ในปี 1978 ด้วยตัวเลข 579,498 คัน นับแต่นั้นเป็นต้นมา ตัวเลขก็ค่อยๆลดลง
มาเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 92,299 คัน ในปีที่แล้ว (2009) คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมดเพียงแค่ 0.9 เปอร์เซนต์ ไม่เปลี่ยนแปลง
จากปี 2008 อีกทั้งยอดขายในปี 2009 นั้น คิดเป็นตัวเลขเพียง 1.9 เปอร์เซนต์ จากยอดขายของ Ford ทั่วโลก ตัวเลขที่เห็น
อาจดูเหมือนกับว่า Mercury ยังพอขายได้อยู่ แต่ ในประเทศซึ่งขายรถได้ปีละ หลายสิบล้านคัน อย่าง สหรัฐอเมริกา ตัวเลขระดับนี้
ต้องถือว่า อยู่ในกลุ่ม “ตรอกซอกหลืบเล็กๆ ของมหานครอันใหญ่โต”
และนั่นก็เลยทำให้ บรรดานักวิเคราะห์อุตสาหกรรมยานยนต์ ในสหรัฐอเมริกา ต่างไม่รู้สึกแปลกใจนัก กับกระแสข่าวลือนี้
เพราะ ที่ผ่านมา Ford เอง ไม่ได้ทุ่มทำตลาด แบรนด์ Mercury มากนัก การใช้เงินในสื่อโฆษณา ช่วงปี 2009 ลดลงอย่างต่อเนื่อง
นับจากปี 2005 เป็นต้นมา ถึง 88 เปอร์เซนต์
สถานการณ์ล่าสุดของ Mercury ในขณะนี้ เหลือรถยนต์ทำตลาดในสหรัฐอเมริกาทั้งหมดเพียง 4 รุ่น (ช่างเหมือนกับตอนที่
GM กำลังจะลอยแพ Oldsmobile ในปี 2003-2004 ไม่มีผิด) รุ่นที่ขายดีที่สุดในตอนนี้คือ Mercury Milan รถยนต์ซีดาน 4 ประตู
ขนาดกลาง ฝาแฝดร่วมกับ Ford Fusion อันเป็นรถยนต์ซีดานขับล้อหน้า เพียงรุ่นเดียวที่เหลืออยู่ เพราะ พวกเขา เพิ่งจะถอด
Mercury Sable ซีดานขนาดกลางค่อนใหญ่ คู่แฝดกับ Ford Five Hundred (คู่แข่งคือ Toyota Avalon และ Buick หลายๆรุ่น)
ออกจากสายการผลิตไปทั้งคู่ เมื่อ ปีที่ผ่านมา Milan ทำยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 53 เปอร์เซนต์ ในปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนรถยนต์ซีดานขับเคลื่อนล้อหลัง Mercury Grand Marquis ฝาแฝดร่วมโครงสร้างทั้งคัน กับทั้ง Ford Crown Victoria
และ Lincoln Town Car ซึ่งกลายเป็นรถยนต์ขวัญใจคุณปู่ และตำรวจอเมริกันทั้งหลาย มาช้านาน ด้วยอายุเฉลี่ยกลุ่มลูกค้า
สูงที่สุดในตลาดรถยนต์ทั้งหมดของสหรัฐฯ คือ อายุ 70 ปี ก็กำลังจะถูกปลดจากสายการผลิต ในปี 2011 ที่จะถึงนี้ เพื่อที่ Ford
จะนำสายการผลิตทั้งหมด ไปทุ่มให้กับการผลิต รถเล็กรุ่นใหม่ทั้ง Fiesta และ Focus (ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ จะไม่มีเวอร์ชันฝาแฝด
สำหรับแบรนด์ Mercury ในอนาคตอย่างแน่นอน)
ส่วนตลาด SUV นั้น Mercury Mariner ฝาแฝดของ Ford Escape ยังคงทำตลาดต่อไปอีกพักหนึ่ง ก่อนที่จะมีการ
เปลี่ยนโฉม ใหม่ทั้งคันให้กับ Escape ในปี 2012 เมื่อถึงตอนนั้น Mariner ก็จะถูกปลดออกจากสายการผลิตไป
เช่นเดียวกับ Mercury Mountaineer ฝาแฝดกับ Ford Explorer SUV ขายดีที่สุดของ Ford ซึ่งคาดว่า หลังจาก
รถรุ่นใหม่เผยโฉมในปีนี้ ก็จะไม่มีเวอร์ชันฝาแฝดของรถรุ่นใหม่ ทำตลาดผ่านแบรนด์ Mercury อีก
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้น ด้วยการสนับสนุนของ Bill Ford (Executive Chairman ของ Ford) รวมทั้งสมาชิกในครอบครัว
Ford ซึ่งถือหุ้นในบริษัท มากถึง 40 เปอร์เซนต์ ไม่เว้นแม้แต่ หลานสาวคนโตสุดของ Edsel Ford อย่าง Elena Ford
(Director of Global Marketing) เอง ก็ยังเคยมีแนวคิดในเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงปี 2002 แล้วด้วยซ้ำ
แหล่งข่าวกล่าวว่า การยุติบทบาทแบรนด์ Mercury นั้น ยังไม่มีกำหนดเวลาแน่ชัด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่า ผู้บริหารของ Ford
จะเจรจาเกลี้ยวกล่อม ให้ตัวแทนจำหน่ายของตน ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยเลย ที่ขายแต่รถยนต์หรู Lincoln
และ Mercury ให้ยุบรวมกิจการเข้ากับดีลเลอร์ของ Ford ในละแวกใกล้เคียง หรือ เลิกกิจการไป ซึ่งบรรดาดีลเลอร์เหล่านี้
คือกลุ่มผู้ที่จะได้รับผลกระทบรายแรกๆ จากการเลิกทำตลาด Mercury เพราะรายได้หลักจากธุรกิจตัวแทนจำหน่าย รถยนต์
ในกลุ่มแบรนด์ Lincoln Mercury ก็คือ รถยี่ห้อ Mercury นี่แหละ!
ขณะที่ลูกค้าชาวอเมริกันเอง ก็มองว่า Mercury เป็นรถยนต์ในยุคของคุณปู่ และ ไม่มีความน่าสนใจเพียงพอ
ที่จะซื้อหามาขับในปัจจุบัน ดังนั้น ลูกค้าส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมนัก หาก Ford อยากจะยุบแบรนด์นี้ทิ้งไป
ต่างจากกรณีของ Pontiac และ Oldsmobile ที่ผู้คนส่วนใหญ่ ยังมี ความทรงจำดีๆกับรถเหล่านั้นอยู่เยอะกว่ามากมาย
แม้ว่า Bill Ford และทายาทของ Edsel ที่ชื่อ Elena Ford ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ กับสาธารณชน
อย่างไรก็ตาม เมื่อลองคลิกเข้าไปดูในเว็บไซต์ของพวกเขา www.mercuryvehicles.com คุณจะพบ Pop-up ขึ้นมา
เพื่อสอบถามสั้นๆว่า ก่อนที่จะเยี่ยมชมเว็บไซต์ คุณรู้สึกอย่างไรบ้างกับรถยนต์ Mercury และมีความคิดที่จะตัดสินใจ
ซื้อรถยี่ห้อนี้ หรือไม่ การทำแบบสอบถามในลักษณะดังกล่าว แม้จะไม่ถึงกับเป็นการบอกแจ้งกันอย่างชัดเจนถึงความ
เป็นไปได้ในการเลิกทำตลาดแบรนด์นี้ แต่ก็สื่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้บริหารของ Ford ในอเมริกาเหนือ กำลังคิด
และทบทวนกับเรื่องนี้ อย่างหนัก
——————————————————///——————————————————–