หลังทำตลาดมาเรื่อยๆตั้งแต่ปี 2009 วันนี้ BMW ค่ายใบพัดสีฟ้าแห่งเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี พร้อมเปิดเผย
โฉมที่ 2 ของ BMW X1 ครอสโอเวอร์รุ่นเล็กของตลาด ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก ทั้งโซนเอเชีย ยุโรป
อเมริกาเหนือ จนสร้างยอดขายรวมผ่านหลัก 730,000 คันไปแล้วเรียบร้อย
โจทย์ของรุ่นใหม่ คือต้องตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้นอีก อันได้แก่กลุ่มวัยรุ่นกำลังซื้อสูง ซึ่งต้องการรถยนต์
ที่ตอบโจทย์ทั้งความพรีเมี่ยม ความสนุกในการขับขี่ และที่สำคัญคือความอเนกประสงค์ พร้อมสำหรับการเดินทาง
ไปยังที่ต่างๆในแบบ Soft-Roader
มากไปกว่านั้น คือการตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์ม UKL ร่วมกับ MINI F56 และ BMW 2-Series Gran Tourer
นั่นหมายความว่า BMW X1 คือ BMW รุ่นที่ 2 ในประวัติศาสตร์ BMW ที่จะใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า!
รูปลักษณ์ภายนอกของ BMW X1 โฉมใหม่ จึงไม่เปลี่ยนแปลงแบบหวือหวา(ตามสไตล์ BMW) แต่ปรับเส้นสาย
ให้มีความขี้เล่นมากขึ้น ด้วยการลดความแข็งลงจากรุ่นปัจจุบัน เพิ่มความโค้งมนมากขึ้น โดยเฉพาะด้านหน้า
ที่ได้รับอิทธิพลเต็มๆจาก BMW 1-Series รุ่นปรับโฉมที่เพิ่มเปิดตัวไป เด่นด้วยกระจังหน้าไตคู่ทรงเขื่องพร้อมระบบ
เปิด-ปิดครีบกระจังหน้าอัตโนมัติ โคมไฟหน้าออกแบบใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น พร้อมออพชั่นไฟหน้าแบบ LED
ส่วนด้านข้างดูคล้ายคลึงกับรุ่นปัจจุบันไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าจะแยกไม่ออกระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ เพราะ BMW
ออกแบบแนวเส้นหลังคาให้ดูลาดเทลงกว่าเดิมเล็กน้อย ปรับเส้นกรอบกระจกด้านข้างใหม่ พร้อมออกแบบเส้นสาย
ด้านข้างให้มีมิติมากขึ้น ส่วนด้านท้าย ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นพี่อย่าง BMW X5 มาช่วยเพิ่มความภูมิฐานเต็มๆ
พร้อมทั้งใช้โคมไฟท้ายแบบ LED
นอกจากนี้ BMW X1 ใหม่ ขยายตัวถังสูงกว่ารุ่นเดิม 53 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มเนื้อที่โดยสารภายใน อีกทั้งยังทำให้
สามารถปรับตำแหน่งเบาะนั่งให้สูงขึ้นเพื่อทัศนวิสัยที่กว้างไกลกว่าเดิมด้วย
ภายในห้องโดยสาร เพิ่มความกว้างขวางด้วยเช่นกัน จากการออกแบบให้เพิ่มพื้นที่วางขาผู้โดยสารตอนหลังอีก
37 มิลลิเมตร สำหรับการออกแบบนั้น BMW ยังคงออกแบบเน้นความสะดวกสบายของผู้ขับขี่เป็นหลักเช่นเคย
ด้วยการออกแบบคอนโซลหน้าเอื้อต่อการบังคับควบคุม แต่ยังคงใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและใช้วัสดุพรีเมี่ยม
เพื่อเพิ่มความสบายกับผู้โดยสารเช่นเคย
คอนโซลหน้ามีการออกแบบให้แตกต่างจากรุ่นปัจจุบันชัดเจน เน้นความอเนกประสงค์ด้วยช่องเก็บของเล็กๆน้อยๆ
คล้ายรถญี่ปุ่นมากขึ้น ติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ iDrive พร้อมหน้าจอขนาด 8.8 นิ้ว BMW ยังคงรักษาระดับการตกแต่งภายใน
แบบ Sport, X-Line และ M Sport เอาไว้ และคราวนี้ทีมนักออกแบบได้เพิ่มความแตกต่างในแต่ละระดับ
การตกแต่งมากขึ้น ทั้งวัสดุ พื้นผิวสัมผัส และโทนสีที่ใช้ น่าเสียดายที่ BMW X1 ใหม่ ไม่ได้ใช้หัวเกียร์ไฟฟ้า แต่กลับ
ได้ใช้หัวเกียร์พร้อมตำแหน่งบอกเกียร์คล้ายกับ MINI F56 และ BMW 2-Series Gran Tourer แทน
พื้นที่สัมภาระยังคงความอเนกประสงค์เช่นเคย ทั้งการพับเบาะหลังในลักษณะ 40:20:40 และมีเนื้อที่สัมภาระ
มากถึง 505 ลิตร (มากกว่าเดิม 85 ลิตร)
งานวิศวกรรมของตัวรถถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด นอกจากการเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์ม UKL แล้ว ขุมพลังก็เปลี่ยนไป
จากรุ่นเดิมเช่นกัน ด้วยการวางขวางเป็นครั้งแรกของ BMW X1 และใช้เครื่องยนต์เริ่มต้นของไลน์เป็นบล็อก 3 สูบ
ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบ TwinPower Turbo ให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร
(พร้อมจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนนี้)
ขยับขึ้นมาคือขุมพลัง 4 สูบ เบนซิน ขนาด 2.0 พร้อมเทอร์โบ ให้กำลัง 192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร
ในขณะที่เวอร์ชันดีเซล ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ บล็อกเดิม แต่ปรับจูนให้มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 190 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร และยังมีเวอร์ชันจูนกำลังลงมาเหลือ 150 แรงม้า และ 330 นิวตัน-เมตร ให้เลือก
ติดตั้งกันด้วย
เครื่องยนต์ที่แรงที่สุดของ X1 ใหม่ ต้องยกให้รหัส 25i และ 25d ในรุ่นเบนซิน (25i) นั้น จะใช้เครื่องยนต์ เบนซิน
2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ส่วนเวอร์ชั่นดีเซล จะให้กำลัง 231 แรงม้า
และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร แทน
ขุมพลังทั้งหมด จะถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบส่งกำลังใหม่ แบบธรรมดา 6 จังหวะ และแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะ
โดยมีระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นมาตรฐาน และมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ติดตั้งเป็นออพชั่นเสริม
นอกจากนี้ BMW ยังกล่าวว่า การเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์ม UKL พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า จะทำให้ตัวรถ
ขับสนุกเหมือนเดิมแน่นอน เพราะทีมวิศวกรได้ออกแบบให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาลง จุดศูนย์ถ่วงต่ำ พร้อมเฉลี่ย
การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังให้ได้ 50:50 แบบพอดีเป๊ะ อีกทั้งตัวรถยังมีฐานล้อที่กว้าง หน้ารถสั้น ให้อารมณ์การขับขี่ที่สนุกขึ้น
และยังทำให้ลุยออฟโรดได้ดีขึ้นด้วย
ด้านเทคโนโลยีต่างๆ BMW จัดเต็มให้กับ X1 โฉมใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบพวงมาลัยใหม่ Variable Sport Steering
ช่วยทำให้การบังคับเลี้ยวในความเร็วต่ำ ระหว่างการเข้าจอดหรือออกตัวมีความง่ายขึ้นมาก เพราะจะปรับความหนืด
ให้น้อยลง แต่ในความเร็วสูง จะปรับความหนืดมากขึ้น สร้างความมั่นใจในการขับขี่ทางตรง
ระบบ Dynamic Damper Control ใช้การควบคุมโช้คอัพด้วยไฟฟ้า ช่วยปรับความนุ่มของช่วงล่างให้ตรงกับ
สภาพถนน นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเหลือความปลอดภัยใหม่ๆ ทั้ง Driving Assistant Plus พร้อมกับระบบ
Traffic Jam Assistant ช่วยหยุดรถในความเร็วต่ำหากตัวรถจับได้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุ และเตือนผู้ขับขี่หาก
กำลังเข้าใกล้การปะทะหรือขับไม่ตรงเลนถนน
2016 BMW X1 คือผลงานการทำครอสโอเวอร์รุ่นล่าสุดของ BMW ที่หมายมั่นเข้ายึดตำแหน่งผู้นำในตลาด
พรีเมี่ยมครอสโอเวอร์ขนาดเล็กเอาไว้ให้ได้ โดยเฉพาะการหันมาใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าที่ BMW หวังว่า
จะเพิ่มความอเนกประสงค์และจัดแพคเกจจิ้งตัวรถได้น่าใช้ขึ้น ทั้งหมดนี้ต้องรอดูกันว่าผู้บริโภคจะยอมรับกับ
ความเปลี่ยนแปลงนี้ได้หรือไม่ โดยในประเทศไทยเจอกันไม่เกินต้นปีหน้าครับ
ที่มา : BMW