รหัสตัวแรงของค่ายสี่ห่วงอย่าง Audi RS ได้ลงมาพัฒนา SUV ขนาด Full-size เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีกับ Audi RS Q8 ตกแต่งพิเศษทั้งภายนอกและภายใน พร้อมรีดสมรรถนะจากขุมพลัง V8 เทอร์โบคู่ จนมีม้า 600 ตัวในคอก พร้อมลาก SUV คันไม่เล็กจากจุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 100 km/h ได้ภายในเวลาไม่ถึง 4 วินาที
Audi RS Q8 มาพร้อมกับกระจังหน้าแบบ Singleframe สีดำเงา รับกับโลโก้สีดำรอบคัน ไฟหน้าแบบ RS HD Matrix LED และ ไฟท้าย LED ล้วนผ่านการรมดำมาเช่นกัน เสริมด้วยชุดแต่งเฉพาะรุ่น ล้อมีขนาด 22 – 23 นิ้ว ใหญ่ที่สุดเท่าที่ Audi เคยใส่มาให้ เพื่อให้รับกับคาลิปเปอร์เบรกสีดำหรือสีแดง พร้อมจานเบรกขนาด 420 มิลลิเมตร ในด้านหน้า และ 370 มิลลิเมตร ในด้านหลัง
ห้องสารกว้างขวางสมกับเป็น SUV พี่ใหญ่ เสริมความสปอร์ตด้วยการใช้วัสดุ Alcantara และ Carbon รอบด้าน เบาะนั่งมาในทรงสปอร์ตหุ้มหนัง Valcona ตัดเย็บลายข้าวหลามตัด พร้อมระบบปรับอากาศและนวด หัวเกียร์และพวงมาลัยเดินด้ายสีแดง ระบบ Audi virtual cockpit และหน้าจอ MMI ปรับแต่งใหม่ให้แสดงค่าที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ ส่วนพื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุด 1,755 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง
ขุมพลังของ Audi RS Q8 เป็นเครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่ 2,200 – 4,500 รอบ/นาที พ่วงระบบ Mild Hybrid 48 โวลต์ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนเป็น 4 ล้อ quattro แบบแปรผันการส่งกำลังระหว่างล้อคู่หน้าและคู่หลัง
อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ใน 3.8 วินาที ส่วน 0 – 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ใน 13.7 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วงล่างหน้าหลังเป็นแบบ five-link ปรับระดับสูงต่ำได้สูงสุด 90 มิลลิเมตร ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบ 4 ล้อ โดยหันล้อหลังไปคนละทิศกับล้อหน้าสูงสุด 5 องศา เมื่อใช้ความเร็วต่ำ และหันไปทิศเดียวกันสูงสุด 1.5 องศา ที่ความเร็วสูง
รูปแบบการขับขี่สามารถปรับได้ 8 รูปแบบ ผ่านระบบ Audi Drive Select ประกอบด้วย comfort, auto, dynamic, efficiency, allroad, offroad, RS1 และ RS2 ซึ่งจะมีผลต่อการตอบสนองของระบบต่างๆ ทั้งเครื่องยนต์, เกียร์, พวงมาลัย, ช่วงล่าง, ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ, เสียงของเครื่องยนต์ และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
Audi RS Q8 เปิดตัวแล้วในงาน Los Angeles Auto Show 2019 ณ สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนกำหนดการออกจำหน่ายที่ยุโรป จะเริ่มต้นขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2020 สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่เยอรมนี ซึ่งยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 127,000 ยูโร (ราว 4,227,000 บาท)
ที่มา: netcarshow, motor1