กาลครั้งหนึ่งชื่อ Uno เคยเป็นรถที่เคยทำรายได้และสร้างชื่อ Fiat มานับตั้งแต่ปี 1983 เพื่อมาแทนที่ Fiat 127 อันเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคดัชนีชื่อรุ่นแนวใหม่แทนที่ดัชนีชื่อรุ่นแบบรหัสตัวเลข (กลับกลายเป็นว่า Alfa Romeo เสียเองที่ยกเลิกระบบการตั้งชื่อกลายเป็นรหัสเลขและก็กลับมาเป็นชื่อรุ่นที่ไพเราะเช่นเคย)
เพียงแค่รุ่นแรก Fiat Uno ก็ได้รับเกียรติรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำยุโรปแห่งปี 1984 ไปครอง และนี่คือความสำเร็จสูงสุดในยุค 80 ที่ Fiat เคยผลิตรถตลอดมา แม้จะมี Uno รุ่นที่สองคลอดออกมาในปี 1989 แต่ก็ไม่เคยได้รับความสำเร็จเฉกรุ่นแรกเลย อีกทั้งยังเกิดอาการแผ่วปลายสุดขีดเพราะยอดขายฝั่งยุโรปตะวันตกลดฮวบฮาบอย่างไม่มีใครคาดคิด Fiat จึงตัดสินใจโละชื่อ Uno ทิ้งและหันมาพัฒนารถซับคอมแพคท์รุ่นใหม่ซิง ๆ ที่พวกเรารู้จักกันในนาม Fiat Punto ปี 1994
แม้ตลาดยุโรปตะวันตกนับตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นไปจะดับสูญไปแล้ว แต่ด้านสว่างของ Uno กลับส่องแสงในตลาดอเมริกาใต้,โปแลนด์, บราซิล, อาร์เจนตินา, ปากีสถาน เป็นต้นจนทำให้ Fiat ต้องประกอบเจ้า Uno รุ่นที่สองจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และคงทำได้เพียงแค่ Minorchange หลาย ๆ ครั้งขายกันจนแก่ตายกันไปข้าง
ไหน ๆ Uno เป็นรุ่นสำคัญรุ่นหนึ่งที่ Fiat เพาะเชื้อเป็นเวลาสิบ ๆ ปีเจาะตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) โดยไม่ตั้งใจ และกระแสตลาดประเทศเหล่านั้นใคร ๆ ก็อยากจะขอกวาดส่วนแบ่งบ้าง Fiat จึงถือโอกาสบรรจุแผนการพัฒนา Uno โฉมใหม่ในทศวรรษใหม่
Fiat Uno เจเนเรชั่นที่ 3 จึงต้องพุ่งเป้าไปยังกลุ่มประเทศอเมริกาใต้และบราซิลเป็นหลักจึงไม่แปลกใจเลยว่ารูปร่างหน้าตาจะมาแนว ๆ รถอเนกประสงค์ทรงกล่องเล็กน้อยผสมกับความเป็นครอสโอเวอร์ปานกลาง มากกว่าที่จะเป็นรถแฮทช์แบคตามปกติรถซับคอมแพคท์ทั่วไป
มิติตัวถัง Fiat Uno จัดอยู่ในระดับซับคอมแพคท์มีความยาว 3,770 มม. ความกว้าง 1,643 มม. ความสูง 1,490 มม. แต่ฐานล้อสั้นเพียง 2,370 มม. ถือว่ามาอุดช่องว่างระหว่าง Fiat Panda และ Fiat Punto พอดีครับ
เครื่องยนต์ก็มีสองเครื่องให้เลือก ได้แก่ 1.0 ลิตร 75 แรงม้า (BHP) และเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร 85 แรงม้า (BHP) ทั้งคู่เป็นเครื่อง Flex Fuel
Fiat Uno รุ่นใหม่ยังไม่มีกำหนดวางจำหน่ายและราคาอย่างเป็นทางการแต่คาดว่าคงวางจำหน่ายไม่นานนักและราคาไม่แพง