Lexus อาศัยเวทีงานโชว์รถครั้งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นอย่าง Tokyo Motor show 2019 ในการเผยโฉมรถต้นแบบคันล่าสุดที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เป็นตัวแทนทางสัญลักษณ์ในหลายแง่ ทั้งในเรื่องการออกแบบที่จะเน้นความเฉียบคมภายนอก ความล้ำสมัยของภายใน ขุมพลังไฟฟ้าที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการก้าวเข้าสู่สังเวียน BEV-Battery Electric Vehicle และนอกจากนี้ ชื่อของมันยังมีการซ่อนความหมายเอาไว้ LF ย่อมาจาก Lexus’s Future ส่วน 30 ก็คือวาระ ครบรอบ 30 ปีการถือกำเนิดของแบรนด์ Lexus บนโลกใบนี้
แม้ว่าดีไซน์ภายนอก เป็นสิ่งที่เราอาจไม่มีวันได้แตะ แต่ลึกลงไปถึงโครงสร้างแล้ว LF-30 ก็ใช้แพลทฟอร์มตัวถังที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของ Lexus ที่เตรียมผลิตขายจริง โดยจะเริ่มนับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป โดยโครงสร้างตัวถังที่ว่านี้ จะถูกทำขึ้นมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่เพื่อไม่ให้ผู้ชมทางบ้านต้องรอนาน Lexus จะเข็นโมเดลใหม่อันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ดัดแปลงจากโมเดลที่ขายอยู่ ณ ปัจจุบันออกมาก่อนในปี 2020
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านวิศวกรรมของ Lexus คุณ Takashi Watanabe ยืนยันโดยกล่าวว่า “รถต้นแบบคันนี้ไม่ได้ทำมาเพื่อบอกว่าจะมีรถ Lexus ในอนาคตที่หน้าตาเป็นแบบนี้ออกมาขาย แต่มันคือวิสัยทัศน์ของการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ของ Lexus เอง รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้านั้นเปิดโอกาสทางการออกแบบเชิงวิศวกรรมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขนาดตัวถัง สัดส่วนความยาว หน้า/หลังของรถ หรือวิธีการออกแบบในจุดต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสร้างแนวทางของรถระดับหรูสำหรับอนาคต และ LF-30 ก็คือสิ่งที่เราใช้บอกต่อโลกว่า นั่น คืออนาคตแบบที่เรามอง”
ขนาดมิติตัวถัง
Lexus LF-30 มีความยาวตัวถัง 5,090 มิลลิเมตร กว้าง 1,995 มิลลิเมตร สูง 1,600 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 2,400 กิโลกรัม ถ้านึกไม่ออกว่าใหญ่ขนาดไหน ให้นึกถึงรถระดับ S-Class รุ่นฐานล้อสั้นในอดีต แต่กว้างกว่า และมีความสูงในลักษณะของรถ Crossover
ขุมพลังขับเคลื่อน
สำหรับขุมพลังขับเคลื่อน Lexus LF-30 ใช้ชุดมอเตอร์แยกสำหรับล้อแต่ละข้าง ให้พลังขับเคลื่อนรวม 400kW (544 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 198 กิโลเมตร/ชั่วโมง
แบตเตอรี่ของ LF-30 เป็นแบบ Solid State ซึ่ง Toyota/Lexus ซุ่มพัฒนามานานและน่าจะมีความพร้อมติดตั้งในรถขายจริง ในช่วง 2022-2025 มีความจุไฟ 110kWh และเมื่อชาร์จเต็มจะสามารถวิ่งได้ไกล 500 กิโลเมตร ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ ก็ไม่ได้ถือว่าโดดเด่นอะไรมากนัก หากเทียบกับคู่แข่งรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ซึ่งใช้แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion
Watanabe ยังอธิบายต่อว่า การนำมอเตอร์ไปติดตั้งไว้ที่ล้อนั้นเป็นวิธีที่ให้ผลดีในแง่ของการออกแบบรถให้เกาะถนน หักเลี้ยวมั่นคงและสามารถส่งกำลังได้ไวชนิดกดปุ๊บเป็นพุ่ง
“ซึ่งคุณสมบัติต่างๆที่เราจะได้จากการออกแบบลักษณะนี้ คือสิ่งที่เกินความสามารถของรถเครื่องสันดาปภายในจะทำได้” โดยยังอธิบายถึงคุณลักษณะของการมีขุมกำลังขับเคลื่อนอยู่ที่ล้อกับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ เมื่อบวกกับการเซ็ตช่วงล่างให้มั่นคง Watanabe ถึงกับกล้าเปรียบความคล่องแคล่วของรถ 2.4 ตันคันนี้ว่า “เหมือนเสือชีตาห์เวลาไล่กวดเหยื่อ” และเรียกระบบนี้ว่า Advance Posture Control
LF-30 ไม่มีรูสำหรับเสียบปลั๊กชาร์จ แม้ว่าเทคโนโลยีการชาร์จแบบ Wireless จะมีใช้แบบยังไม่แพร่หลายมากนัก แต่ Lexus มองว่าในอนาคต เจ้าของรถระดับหรูที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า ย่อมไม่ต้องการเสียเวลาที่จะลงมาเสียบชาร์จไฟเอง Watanabe เองก็เผยแบบไม่ได้ตั้งใจว่า Lexus กำลังพัฒนาระบบชาร์จไฟรถยนต์แบบ Contactless อยู่ในขณะนี้
ภายในของ LF-30 มีความล้ำยุคเหมือนหลุดมาจากหนัง Sci-fi (ลองดูรถในภาพยนตร์ “Demolition man” นำแสดงโดย Sylvester Stallone) ด้วยพวงมาลัยที่หดกลับเองเมื่อเข้าโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ มีปุ่มควบคุมที่เชื่อมต่อกับการทำงานของจอ Head-up display พร้อมระบบสั่งการด้วยการขยับมือ สำหรับผู้โดยสารด้านหลังก็มีจอที่ติดกับหลังคาแก้ว ที่พิศดารยิ่งไปกว่านั้นคือ LF-30 มีSupport drone ที่สามารถช่วยยกของขึ้นท้ายรถ หรือนำออกได้ด้วย
ใจความของการออกแบบภายในอีกประการหนึ่ง คือแนวคิด “Tazuna” ซึ่งแปลว่าบังเหียนม้า ซึ่งเป็นตัวแทนการรับส่งคำสั่งระหว่างม้าและคนขี่ ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบ Steer-by-wire ซึ่งแปลว่า ไม่มีชิ้นส่วนโลหะ อัลลอย หรืออะไรเลยที่เชื่อมต่อพวงมาลัยไปถึงล้อรถ ทุกอย่างคุมด้วยไฟฟ้า ซึ่งวิธีนี้ Lexus เชื่อว่าจะทำให้การบังคับควบคุมมีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ได้มากขึ้น และที่น่างงคือ จะทำให้ความรู้สึกในการบังคับพวงมาลัยแม่นยำขึ้นกว่าแต่ก่อน
นี่คือรถต้นแบบ ที่จะทำให้คุณได้เห็นว่า Lexus ตั้งใจอยากทำรถของตัวเองไปทางไหน แบบไหน มีอุปกรณ์และการออกแบบอย่างไร แต่ในกรณีที่เป็นรถผลิตจริง สถานการณ์จะต่างกันมาก เราคงต้องจับตามอง รถยนต์ไฟฟ้าเวอร์ชั่นขายจริงในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ซึ่งเท่าที่ทราบมา รถพลังไฟฟ้ารุ่นต่อไปของ Lexus จะทำมาเพื่อเน้นตลาดอเมริกา ซึ่งแปลได้ว่ามันน่าจะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ แต่หน้าตาจะถอดแบบ LF-30 มาได้บ้าง..หรือไม่มีเค้าเลยนั้น เมื่อถึงเวลาเราก็จะได้ทราบกัน