Volkswagen คิดการใหญ่อีกระดับที่จะเป็น”เจ้าตลาดระดับโลก” ภายในปี 2018 แทนที่ Toyota ที่เพิ่งครองเก้าอี้ไปไม่ถึง 3 ปี และดูเหมือนว่าพวกเขามีดวงดีเล็กน้อยที่ Toyota สะดุดขาตนเองกับข่าวฉาวการ Recall ในประวัติศาสตร์แม้จะไม่ทำให้ Toyota สูญเสียยอดขายฮวบฮาบนัก แต่น่าจะเป็นช่องทางที่ Volkswagen สามารถพัฒนาตนถีบตนเองสู่เป้าหมายได้ง่ายขึ้น

 
 

แต่ดูเหมือน Volkswagen ยังมีจุดอ่อนที่ล้าหลังคู่แข่งระดับ Top 5 อยู่มาก นั่นคือ Volkswagen ยังขาดแคลนรถแนว Hybrid และรถไฟฟ้า ก็ใช่ว่า Volkswagen อยู่นิ่งเฉยครับ พวกเขาเองก็พัฒนารถ Hybrid เป็นของตนเองแล้วและเลือกกลุ่มตลาดที่ไม่ปะทะกับ Toyota ที่ครองตลาด Hybrid ในรถระดับกลางเรียบร้อยจนยากจะ ตามทัน

ส่วนรถไฟฟ้า ณ ตอนนี้ก็ยังถือว่าล้าหลัง Ford,GM และยังล้าหลัง Nissan อันเป็นบริษัทที่เล็กกว่าอีกด้วยเพราะ Volkswagen ไม่มีรถไฟฟ้าพร้อมจำหน่ายภายในปีสองปีนี้เลย

เชื่อหรือไม่ว่า Volkswagen อยากจะขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดรถไฟฟ้าของโลกภายในปี 2018 แต่กว่าจะจัดทัพส่งรถไฟฟ้าครั้งแรกก็ปาเข้าปี 2013 ในเมื่อตั้งเป้าสูงมากขนาดนี้น่าจะหมายความว่า Volkswagen พร้อมเดินขบวนพาเหรดส่งรถไฟฟ้าตูมเดียวภายในแค่ 5 ปีเท่านั้น

Volkswagen เชื่อมั่นว่าตลาดรถไฟฟ้าจะมีโอกาสถึง 1 ล้านคันภายในปี 2020 อันเนื่องจากรัฐบาลแต่ละประเทศล้วนแต่นำเสนอเงื่อนไขรถไฟฟ้าทั้งนั้น

แม้ยังไม่ถึงเวลาวางจำหน่ายนักแต่ Volkswagen ก็ขอตีร้องฆ้องเปล่าด้วยรถโปรโตไทป์ Golf Blue E-Motion ภายในปีนี้เสียก่อนจะวางจำหน่ายปี 2013

Volkswagen Golf Blue E-Motion จัดเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Nissan Leaf ในด้านเทคโนโลยีรถไฟฟ้า อีกนัยหนึ่งมันก็เป็นคู่แข่งทางอ้อมด้วยเช่นกันเพราะมันเป็นรถที่มีในท้องตลาดมาพัฒนาเป็นรถไฟฟ้า

ขุมพลังรถคันนี้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 115 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 27.27 กิโลกรัมเมตร เก็บประจุไฟฟ้าผ่านแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนมีระยะทางวิ่งสูงสุด 150 กิโลเมตร ทำความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สรุปภาพรวมรถคันนี้น่าจะเป็นรถที่ขับสนุกกว่า Nissan Leaf อันเนื่องจากพละกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าที่เหนือกว่า แต่ก็มีจุดด้อยตรงที่ระยะทางวิ่งสั้นกว่าเล็กน้อย

Volkswagen มีแผนจะประกอบ Golf Blue E-Motion ประมาณ 500 คันในปีหน้าเพื่อเป็นรถทดลองขับก่อนที่จะประกอบขายในปี 2013 ซึ่งถึงตอนนั้นไม่แน่ใจว่า Volkswagen จะปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือเปล่านะครับ