Aston Martin Vantage AMR คือรถยนต์รุ่นพิเศษที่พร้อมส่งมอบ สุดยอดประสบการณ์การขับขี่ให้กับลูกค้า ด้วยการรักษาเกียร์ธรรมดาเอาไว้ ผสานกับการรีดน้ำหนักลงอีก 95 กิโลกรัมจากรุ่นปกติ และตกแต่งพิเศษรอบคัน ส่วนรายละเอียดมิติตัวถัง มีดังนี้
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,465 x 2,153 x 1,274 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,704 มิลลิเมตร
Aston Martin Vantage AMR ใช้โครงสร้างตัวถังทำจากอะลูมิเนียม ส่วนเปลือกตัวถังเป็นเหล็ก ไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ LED เต็มรูปแบบ โดยด้านหน้ามีกราฟฟิก เวลาล็อคและปลดล็อคประตูด้วย ฝากระโปรงหน้าเป็นทรง Clamshell ผสานด้วยครีบระบายอากาศด้านข้าง ปิดท้ายด้วยล้อ ขนาด 20 นิ้ว
สีตัวถังมีให้เลือก 4 สี ประกอบด้วย สีน้ำเงิน Sabiro Blue, สีดำ Onyx Black, สีเทา China Grey และสีขาว White Stone ห้องโดยสารตกแต่งในโทนสีดำ ตัดด้วยสีเหลืองบริเวณเบาะและแผงประตู หน้าจอสัมผัสเป็นแบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และ iPhone
ขุมพลังของ Aston Martin Vantage AMR เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 กำลังสูงสุด 510 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 625 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 5,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้อคู่หลัง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.0 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 314 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ช่วงล่างด้านหน้าเป็น Double Wishbone ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Multi-Link มาพร้อมระบบ Adaptive Damping System (ADS) ปรับการทำงานได้หลายรูปแบบทั้ง Sport, Sport + และ Track ส่วนระบบเบรกเป็น Carbon Ceramic จานเบรกมีขนาด 410 และ 360 มิลลิเมตร ตามลำดับด้านหน้าและด้านหลัง
Aston Martin Vantage AMR เปิดตัวไปแล้วในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยมีให้เลือกด้วยกัน 5 รุ่นย่อย ผลิตจำกัดทั้งหมด 200 คัน ทั่วโลก สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นในประเทศอังกฤษซึ่งยังไม่รวม ภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 149,995 ปอนด์ (ราว 6,298,000 บาท) และจะเริ่มส่งมอบในไตรมาสสุดท้ายของปี 2019
นอกจากนั้น 59 คันสุดท้ายของรุ่น จะใช้ชื่อว่า Vantage 59 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีที่ Aston Martin Vantage DBR1 คว้าชัยชนะจากการแข่งขัน 25 Hours of Le Mans ในปี 1959 โดยจะมาในตัวถังสีเขียว Stirling Green ตัดด้วยสีเหลือง Lime ภายในตกแต่งพิเศษด้วยหนัง Dark Knight และ Alcantara
ที่มา: Aston Martin