Ford Escape เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2005 ล่าสุด มีทายาทคันล่าสุดมารับช่วงต่อแล้ว โดยผ่านการพัฒนามาให้ดีกว่าเดิมในทุกด้าน ทั้งหน้าตา, ความสะดวกสบาย, ประโยชน์ใช้สอย และการขับขี่ ส่วนขุมพลังมีให้เลือก 4 แบบ ทั้ง EcoBoost, Hybrid และ Plug-in Hybrid
การออกแบบภายนอกของ All NEW Ford Escape ได้แรงบันดาลใจมาจากสปอร์ตร่วมโชว์รูม ทั้งกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่จาก Ford Mustang และชายกันชนหน้าด้านล่างจาก Ford GT ด้านมิติตัวถังเตี้ยลง, กว้างขึ้น และยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า
ด้วยเส้นสายตัวถังที่ผสานกับแนวหลังคาที่ลาดลง รวมไปถึงสปอยเลอร์หลังคา และแผ่นปิดใต้ท้อง ประสิทธิภาพการรีดลมจึงดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทั้งยังมีการนำเหล็กแรงดึงสูงน้ำหนักเบามาใช้ ช่วยรีดน้ำหนักจากรุ่นก่อนหน้าลงอีก 90 กิโลกรัม ปัจจัยเหล่านี้จึงส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้น
การเข้าสู่ห้องโดยสารของ All NEW Ford Escape สามารถทำได้โดยใช้โทรศัพท์มือถือ ที่เชื่อมต่อผ่าน FordPass Connect ส่วนมาตรวัดแสดงผลแบบ 3 มิติ ผ่านหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมหน้าจอ head-up display ขนาด 6 นิ้ว เครื่องเสียงทำงานร่วมกับหน้าจอสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว
เบาะแถวที่สองสามารถปรับสไลด์ได้ ผู้โดยสารตอนหลังจึงได้อานิสงส์ เรื่องมีพื้นที่กว้างสุดในระดับ เมื่อปรับเบาะถอยหลัง หรือเมื่อปรับเบาะเดินหน้าสุด พื้นที่บรรทุกสัมภาระจะเพิ่มเป็น 1,061 ลิตร ด้าน headroom และ shoulder room สำหรับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง ล้วนได้รับการพัฒนาให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า
ขุมพลังของ All NEW Ford Escape มีให้เลือกด้วยกัน 4 แบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
- เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ EcoBoost (ตัวใหม่) กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบตัดการทำงานลูกสูบ มีให้เลือกในรุ่น S, SE และ SEL
- เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ EcoBoost (ตัวใหม่) กำลังสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 373 นิวตันเมตร มีให้เลือกในรุ่น Titanium
- เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร Hybrid (ตัวใหม่) กำลังสูงสุดทั้งระบบ 198 แรงม้า ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว ด้วยความเร็วสูงสุด 137 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีให้เลือกในรุ่น SE Sport และ Titanium
- ขุมพลัง Plug-in Hybrid สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว เป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 48 กิโลเมตร เลือกรูปแบบการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ และชาร์จไฟจนเต็มได้ระหว่าง 5 หรือ 10 – 11 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับชนิดของหัวชาร์จ มีให้เลือกในทุกรุ่น ยกเว้น S และ SE Sport
All NEW Ford Escape ทุกรุ่นมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือก ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซินจะได้เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะลูกใหม่ ช่วงล่างปรับปรุงใหม่ทั้งหมด รวมไปถึง subframe ด้านหลัง ด้านรูปแบบการขับขี่โดยรวม ปรับได้ 6 รูปแบบ คือ Normal, Eco, Sport, Slippery, Snow และ Sand
ระบบความปลอดภัยล้ำหน้าด้วยระบบถอยจอดอัตโนมัติ Active Park Assist 2.0 ที่ถอยจอดขนานได้ โดยที่คนขับไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากกดปุ่ม และระบบ Evasive Steering Assist ที่จะหักพวงมาลัยหลบโดยอัตโนมัติ เมื่อพบยานพาหนะจอดอยู่เบื้องหน้า หรือกำลังหักออกมากีดขวางในช่องทางอย่างช้าๆ
All NEW Ford Escape มีให้เลือกด้วยกัน 5 รุ่นย่อย ประกอบด้วย S, SE, SE Sport, SEL และ Titanium ทุกคันจะประกอบที่โรงงานในรัฐ Kentucky ประเทศสหรัฐฯ โดยมีกำหนดเริ่มต้นส่งมอบรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ EcoBoost ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2019 ส่วนขุมพลัง Hybrid จะเริ่มส่งมอบในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020
ที่มา: Ford