นับว่าได้ย่างก้าวเข้ามาถึงกลางอายุตลาดของ GMC Acadia : Mid-SUV จากแดนมะกัน ในโฉม เจเนอเรชั่นที่ 2 กันแล้ว หลังจากเปิดตัวกับรุ่นปัจจุบันไปเมื่อช่วงปี 2016 โดยสำหรับการอัปเดตเพิ่มความสดใหม่ในครั้งนี้ จะพบกับการเปลี่ยนแปลง อาทิ การออกแบบภายนอก รายละเอียดอุปกรณ์ภายใน รวมไปถึงเรื่องราวทางเทคนิคต่างๆ
เริ่มต้นกันที่ภายนอก ในส่วนทางด้านหน้า จะพบกับการตกแต่งที่มาพร้อมกับสไตล์ใหม่ เน้นความบึกบีนมากยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าทรงใหม่แบบ 4 เหลี่ยม ขนาดใหญ่ และแทรกการตกแต่งทริมขอบเป็นสีโครเมี่ยม-สีเทาเข้มปัดเงา ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย รวมทั้งยังสอดรับกับ ชุดโคมไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ DRLs ดีไซน์ใหม่ ที่เป็นเหลี่ยมคมให้อารมณ์ของความแข็งแกร่ง ตลอดจนบริเวณช่องดักลมด้านล่าง ก็ได้ใช้การออกแบบเส้นสายในลักษณะใหม่เช่นเดียวกัน
ทางด้านท้าย มีการปรับเปลี่ยนที่สามารถเห็นได้อย่างเด่นชัดก็คือ ชุดโคมไฟท้ายใหม่ ซึ่งสอดรับกับทางด้านหน้าที่ดูดุดัน โดยเปล่งความสว่างด้วยหลอดแบบ LED พร้อมไฟ LED Light Guiding ลักษณะ C-Shape รวมทั้งแนวกรอบชุดไฟ ยังผสานการตกแต่งอย่างเรียบเนียนไปกับ คิ้วบริเวณที่เปิดฝาท้าย และเสริมความสปอร์ตด้วยปลายท่อไอเสียสีโครเมี่ยมแบบพ่นออก 2 ฝั่ง
เปิดประตูเข้ามายังภายในห้องโดยสาร แม้มันจะไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมมากมายก็ตาม แต่ก็ให้การต้อนรับที่อบอุ่นด้วยการตกแต่งในโทนสีดำ และ สีครีม ตามแต่รุ่นย่อย พร้อมประดับวัสดุลวดลายไม้ บริเวณ แผงแดชบอร์ด, คอนโซลกลาง , แผงข้างประตู
นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบความบันเทิงบนหน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว รุ่นใหม่ ซึ่งมีความละเอียดหน้าจอสูงกว่าเดิม และพัฒนาระบบ Voice Recognition ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึง การเพิ่มอุปกรณ์ อาทิ ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charging Pad, พอร์ต USB-C จำนวน 2 ช่อง, หน้าจอ Head-up Display และ กล้องมองหลังความละเอียดสูง High-def Reversing Camera
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือ การเพิ่มขุมพลังในไลน์อัป จากเดิมทีที่มีอยู่ 2 บล็อก ได้แก่ เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร และ เบนซิน V6 3.5 ลิตร โดยเตรียมเสริมเครื่องยนต์ใหม่อีกหนึ่งบล็อก ซึ่งเป็นแบบ เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 233 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร และยังมีการทำงานของระบบ Cylinder Deactivation ลดจำนวนการทำงานของสูบ เพื่อช่วยในเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเพลิง
อย่างไรก็ดี สมรรถนะของตัวรถ และการใช้เชื้อเพลิงก็จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะหันมาจับคู่การทำงานเข้ากับ เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ตัวใหม่ ในการเชื่อมต่อกำลังแทนที่ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แบบเดิม
ขณะเดียวกัน ในส่วนของระบบกันสะเทือน ก็ยังได้รับการปรับจูนใหม่ เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเรื่องราวด้านระบบเบรกแบบ eBoost Brake System ซึ่งถูกพัฒนาเข้ามาใหม่ เพื่อใช้งานร่วมกับเครื่องยนต์บล็อกนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
GMC Acadia Minorchange เตรียมออกจำหน่ายในสหรัฐฯ ประมาณช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) 2019 นี้ ส่วนราคาค่าตัว จะทำการประกาศอีกครั้งในช่วงใกล้วันจำหน่ายจริง
In Fact : GMC Acadia Minorchange จะขึ้นสายการผลิตที่โรงงาน GM Spring Hill ในรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา
ที่มา : carscoops