Ford Everest Minorchange

ราคาอย่างเป็นทางการ

  • 2.0 Turbo Trend 4×2 A/T  1,299,000 บาท

Engine เครื่องยนต์

Diesel 2.0 EcoBlue Turbo

เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 180 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมปุ่มเปลี่ยนเกียร์ Manual Mode + – ที่หัวเกียร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง

Engineering งานวิศวกรรม

  • เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ 180 แรงม้า 420 นิวตันเมตร
  • เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ Manual Mode + – ที่หัวเกียร์
  • ระบบเบรก คู่หน้า ดิสก์เบรก / คู่หลัง ดิสก์เบรก
  • พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPAS
  • ช่วงล่างด้านหน้า Double Wishbone with Coil Spring – Anti Roll bar
  • ช่วงล่างด้านหลัง Coil Spring with Watt’s Link – Anti Roll bar
 

Exterior ภายนอก

  • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 265/65 R17
  • มือเปิดประตูภายนอก สีเดียวกับตัวรถ
  • ไฟหน้า Projector Lens แบบฮาโลเจน
  • ราวหลังคา
  • บันไดข้าง
  • กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
  • กระจกมองข้าง ปรับ และ พับด้วยไฟฟ้า

Interior ภายในห้องโดยสาร

  • ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Keyless Entry
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
  • กระจกหน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบ One-touch ฝั่งคนขับ
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
  • ช่องแอร์เพดาน สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมสวิตซ์ปรับแรงลมแยกส่วน
  • เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีดำ
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 แยกอิสระ 60 : 40
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอนได้
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 เลื่อนหน้า-ถอยหลังได้
  • เบาะนั่งแถวที่ 3 แยกอิสระ 50 : 50
  • วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร สีดำด้าน
  • แผงบังแดดพร้อมที่เสียบนามบัตร
  • ช่องชาร์จไฟ 12V

Entertainment ระบบเครื่องเสียง

  • หน้าจอเครื่องเสียง ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว
  • เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM CD MP3
  • ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 และ Wi-Fi
  • รองรับระบบ Apple Car Play / Andriod Auto
  • ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
  • ระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation
  • ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
  • ลำโพง 9 ตำแหน่ง พร้อม SubWoofer – Amplifier
  • ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assistance

Safety ระบบความปลอดภัย

  • ระบบเบรก ABS / EBD / BA
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
  • ระบบช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA
  • ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ Rollover Mitigation
  • ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง Trailer Sway Mitigation
  • ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-หัวเข่าคนขับ)
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง
  • กล้องมองภาพขณะถอยจอด
  • ระบบกุญแจ Immobilizer
  • สัญญาณกันขโมย Burglar Alarm
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX

สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 6 สี

  • สีทอง Diffused Silver Metallic
  • สีขาว Arctic White Metallic
  • สีเงิน Aluminum Metallic
  • สีดำ Absolute Black Metallic
  • สีฟ้า Blue Reflex Metallic
  • สีแดงส้ม Sunset Metallic

ผลทดสอบ อัตราเร่ง Ford Everest 2.0 Turbo Trend 4×2 10A/T (อย่างเป็นทางการ)

Acceleration

  • อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 11.25 วินาที
  • อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 8.67 วินาที

Top Speed

  • ความเร็วสูงสุด 182 km/h @ 2,600 rpm (8th gear)

Fuel Consumption

  • อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง วิ่งความเร็วเฉลี่ย 110 km/h ทำได้ 13.42 km/l

Ford Everest 2.0 Turbo Trend 4×2 10AT : 1,299,000 บาท

โดยปกติแล้วคนที่ซื้อ Ford Everest ขับนั้น ก็อยากได้รถที่หน้าตาดูเหมือน SUV แพงๆ อุปกรณ์ภายในที่หรูหรา หรือไม่ก็ช่วงล่างที่แน่นหนึบวิ่งทางตรงทางโค้งก็ไม่หวั่น แต่จะเป็นอย่างไรถ้ามี Everest สักรุ่นที่ไม่ได้เป็นไปตามคุณสมบัติเหล่านี้ ?

นี่คือ Everest 2.0 Trend และ ด้วยราคาที่ถูกกว่ารุ่น Titanium Plus 4WD ตัวท้อปถึง 500,000 บาท คุณอาจคิดว่ากำลังได้ของดีราคาถูก แต่ Ford พยายามทำให้คุณรู้ว่ามีหลายสิ่งหายไป ล้อ 17 นิ้วดูค่อนข้างตลก ถ้าเทียบกับขนาดตัวรถ ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นก็ตกแต่งมาอย่างจืดสนิท เต็มไปด้วยพลาสติกด้านสีดำ ไม่มีเบาะไฟฟ้า ตัวเบาะคนขับปรับองศาเทของเบาะรองนั่งไม่ได้  ไม่มี Cruise control หรือ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ แต่ยังดีว่ามีจอกลาง SYNC 3 และ หน้าปัด มาตรวัดแบบเดียวกับตัวท้อปมาให้

แม้จะถูกตัดอุปกรณ์จนอายรถกระบะ แต่ถ้าคุณใส่ใจเรื่องการขับมากกว่าเรื่องของอุปกรณ์ ก็จะมีทั้งข่าวดี และ ร้ายรอคุณอยู่ ข่าวร้ายก่อนแล้วกัน Everest 2.0 ลิตรรุ่นใหม่นี้ โดนจูนช่วงล่างซะจนหมดความแซ่บ อย่าไปคิดว่ามันจะหนักแน่นเหมือนตัว 3.2 รุ่นก่อน เจ้าพวกรุ่นใหม่นี้ นุ่มย้วยกว่าเดิม ความสนุกในโค้งหายไปจนตอนนี้อาจจะแพ้ Nissan Terra ด้วยซ้ำ ยังดีที่ประสิทธิภาพบนทางตรง การซับแรงกระแทก และ การโดดสะพานยังคงดีกว่า Isuzu หรือ Toyota อยู่ ไม่เช่นนั้นคงหมดจุดขาย

ส่วนข่าวดีก็คือ แม้จะปอดเล็กแค่ ดีเซล 2.0 ลิตร และ เป็นรุ่นเทอร์โบเดี่ยว 180 แรงม้า แต่ทว่า Everest Trend กลับดูมีพลังกระตือรือร้นเวลาขับ และ เป็นแรงที่มีดีสม่ำเสมอจาก 1,700 – 3,700 รอบ/นาที ไม่ใช่กดๆ แล้วพุ่งแต่ขยี้จริง แล้วไม่ลื่นอย่างเครื่อง PUMA 2.2 ตัวเก่า และ ถ้าไม่มีนาฬิกา คุณอาจคิดว่ามันเร็วพอๆกับรุ่นท้อป 213 แรงม้าเลยก็ได้ เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ในเกียร์ D ก็ทำงานได้ดี มีงงเกียร์บ้าง แต่การจับส่งพลังเวลาขับปกติก็เนียน เวลาคิกดาวน์ก็ไม่อึ้งนาน แต่เกลียดการเล่น Manual mode ด้วยปุ่มหัวเกียร์บวกลบนั่นเหลือเกิน เอาเป็นคันโยกบวกลบดีๆจะเป็นอะไรมั้ย ?

ด้วยเครื่องยนต์ที่พึ่งพาได้ (ถ้าไม่ใช่ว่ามี Defect) มีพละกำลังพอสำหรับการเดินทางไกล ช่วงล่างย้วยไปนิดแต่วิ่งทางตรงโอเค บวกกับความสบายในห้องโดยสาร Everest Trend เหมาะกับพ่อบ้านที่ไม่ติดหรูแต่ชอบขับทางไกลบ่อยๆ หรือพ่อบ้านที่ต้องการเจียดเงินครึ่งล้าน ไว้ซื้อ Eco Car ให้ภรรยาขับได้อีกคัน ก็เป็นไอเดียที่ดีสำหรับการดำรงชีพใต้ระบอบภรรยาธิปไตย และ ควบคุมค่าใช้จ่ายตามจำเป็นได้เป็นอย่างดี


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/69535.0