ภายหลังจากที่ Honda และ Nissan ได้ยุติแผนควบรวมกิจการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าสาเหตุสำคัญมาจากข้อเสนอของ Honda ที่ต้องการให้ Nissan ล้มเลิกเทคโนโลยี Hybrid แบบ e-Power และหันมาใช้ระบบ Hybrid ของตนแทน ซึ่ง Nissan ได้คัดค้านอย่างหนัก จนทำให้เกิดความขัดแย้งที่ยากจะประนีประนอม แม้ว่าการควบรวมจะไม่เกิดขึ้นอีกตามที่ทั้ง 2 ได้แถลงการณ์ไปก่อนหน้า แต่ทั้งคู่จะยังคงมีแผนความร่วมมือด้านรถ EV ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม Nissan ยังคงเดินหน้าพัฒนาขุมพลัง e-Power รุ่นที่ 3 โดยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงขึ้น 20% พร้อมกับได้ลดต้นทุนการผลิตลง 20% และเพิ่มความประหยัดน้ำมันสำหรับการเดินทางไกลขึ้นอีก 15% นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมเปิดตัว Rogue e-Power ในสหรัฐฯ ภายในปีงบประมาณ 2026 และจะมีรุ่น Plug-in Hybrid วางจำหน่ายในปีงบประมาณ 2025 และยังนำระบบนี้ไปใช้ใน Qashqai สำหรับตลาดยุโรป และ มินิแวนในญี่ปุ่น

จุดเด่นของขุมพลัง e-Power คือการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อจ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง ทำให้รถขับเคลื่อนได้เหมือนรถ EV แต่ยังคงเติมน้ำมันแทนการเสียบปลั๊กชาร์จ ต่างจากระบบ Hybrid ทั่วไป ที่เครื่องยนต์สามารถขับเคลื่อนล้อได้โดยตรง ในปัจจุบัน Nissan ใช้ e-Power และประสบความสำเร็จในรุ่น Note Kicks Qashqai X-Trail และ Sylphy สำหรับตลาดจีน

ขณะเดียวกัน Honda ก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยี Hybrid e:HEV รุ่นใหม่ โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 และ 2.0 ลิตร แบบ Atkinson Cycle ซึ่งเพิ่มความประหยัดน้ำมันขึ้น 10% พร้อมกับลดน้ำหนักตัวรถลง 90 กิโลกรัม และตั้งเป้าลดต้นทุนการผลิตลงอีก 50% ภายในปี 2027 Honda เคลมว่าได้เริ่มลดต้นทุน ขุมพลัง Hybrid ไปแล้ว 25% ใน Accord Hybrid ที่จำหน่ายในอเมริกาเหนือ

แม้ Honda และ Nissan จะไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องเทคโนโลยี Hybrid แต่ทั้ง 2 บริษัทยังคงมีแผนร่วมมือกันในด้านรถ EV ซึ่งกำลังกลายเป็นทิศทางหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ การแข่งขันด้านเทคโนโลยี Hybrid และ EV ระหว่าง 2 บริษัทจะทวีความรุนแรงขึ้น โดย Nissan ยังคงเดินหน้าพัฒนา e-Power และ Honda จะยังชูเทคโนโลยี e:HEV เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถแข่งขันในตลาดได้

ที่มา: Motor1