Mitsubishi Motors ยังคงเป็นมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแผนการควบรวมกิจการระหว่าง Nissan และ Honda อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้ยังไม่ช่วยปรับปรุงสถานการณ์ของบริษัท โดยล่าสุด Mitsubishi ได้ปรับลดการคาดการณ์กำไรสุทธิสำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2025 อย่างฮวบฮาบ

หากอ้างอิงจากผลประกอบการไตรมาสที่ 3 Mitsubishi ได้ปรับลดเป้าหมายคาดการณ์ผลกำไรสุทธิประจำปีลงเหลือ 35 พันล้านเยน (ประมาณ 7,682,521,520 บาท) ซึ่งลดลงถึง 76% จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 144 พันล้านเยน (ประมาณ 31,608,088,540 บาท) ในเดือนพฤษภาคม 2024

 

Nikkei Asia รายงานว่าสาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ซบเซาในกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ อีกทั้งยังเจอปัญหาค่าใช้จ่ายด้านการตลาดในอเมริกาเหนือที่สูงเกินควร และต้นทุนของซัพพลายเออร์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ

Mitsubishi ยังปรับลดเป้าหมายยอดขายจาก 895,000 คัน เหลือ 848,000 คัน แม้ว่ายอดนี้จะยังสูงกว่าปีที่ผ่านมา (815,000 คัน) แต่การปรับลดดังกล่าว จะกระทบกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งเคยเป็นตลาดที่บริษัทประสบความสำเร็จมาก

 

ทางด้าน Takao Kato CEO ของ Mitsubishi กล่าวในการประชุมผู้ถือหุ้นว่า “ในอดีตประเทศไทยเคยมียอดขายรถยนต์ถึง 1 ล้านคันต่อปี แต่ในปัจจุบันตัวเลขยอดขายยังไม่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญหลังวิกฤตโควิด-19 และลดลงอย่างรวดเร็วในปีงบประมาณ 2023 และ 2024 เนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่สูง”

Takao ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนที่ไม่เอื้ออำนวยและภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยจะยังคงส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทในปี 2025 นอกจากนี้ Mitsubishi ยังต้องปรับโครงสร้างสำนักงานในภูมิภาคนี้ ซึ่งรวมถึงการให้พนักงานเกษียณอายุก่อนกำหนดเป็นจำนวนถึง 300 คน

ถึงแม้จะเผชิญกับปัญหาใหญ่ แต่ Takao เชื่อว่า Mitsubishi จะยังมีส่วนร่วมในแผนการควบรวมระหว่าง Nissan และ Honda “เราไม่น่าจะถูกตัดออกจากความร่วมมือทั้งหมด” Takao กล่าว พร้อมระบุว่าบริษัทกำลังจับตาดูการควบรวมนี้อย่างใกล้ชิด

“จุดแข็งของ Mitsubishi คือเทคโนโลยี PLug-in hybrid และกลุ่มรถกระบะ 1 ตัน โดยทางค่ายกำลังพิจารณาว่าจะสามารถใช้จุดแข็งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคตได้อย่างไร และจะได้รับการสนับสนุนอย่างไรในตลาดอเมริกาเหนือ ท่ามกลางความผันผวนของนโยบาย”

ที่มา: Motor1