Polestar ได้เปิดตัวรุ่นพิเศษ Arctic Circle Editions สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Polestar 2 3 และ 4 โดยรถแต่ละคันได้รับการออกแบบมาเป็นรุ่น One-Off หรือผลิตเฉพาะคันโดยไม่มีแผนผลิตเพื่อจำหน่ายจริง แต่อย่างใด จุดเด่นของรุ่นนี้คือระบบช่วงล่างที่ยกสูงขึ้น ยางติดตั้งตะปูสำหรับขับขี่บนหิมะ และอุปกรณ์เสริมสุดเท่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งแรลลี่

โครงการนี้ถูกพัฒนาโดยทีมวิจัยและพัฒนาของ Polestar ในสวีเดน นำทีมโดย Joakim Rydholm อดีตนักแข่งแรลลี่ ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีม Driving Dynamics เขาเผยว่าการปรับแต่งรถ EV ให้เหมาะสมกับเส้นทางน้ำแข็งและหิมะเป็นความท้าทายที่สนุกมาก โดย Polestar ได้ร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนางานวิศวกรรมที่ปรับแต่งเป็นพิเศษมาโดยเฉพาะ

 

ภายนอกตกแต่งด้วยลายสีขาวและเหลือง ไฟ LED Stedi Quad Pro ตะขอสีทอง Swedish Gold และบังโคลน รถแต่ละรุ่นมีอุปกรณ์เสริมแตกต่างกัน เช่น ราวหลังคา Thule พร้อมไฟ LED Bar สำหรับ Polestar 3 และที่ติดตั้งสกีบน Polestar 4 และยังมีล้ออัลลอยจาก OZ Racing ขนาด 19 นิ้วและ 20 นิ้ว เคลือบสีขาว พร้อมยางติดตะปูจาก Pirelli ติดตั้งมาให้จากโรงงาน

ภายในห้องโดยสารมีเบาะบัคเก็ตซีทจาก Recaro ติดตั้งในทั้งสามรุ่น โดย Polestar 4 มาพร้อมเบรกมือแบบไฮดรอลิกสำหรับดริฟต์

 

ช่วงล่างได้รับการปรับปรุงด้วย โช้คอัพ Öhlins แบบปรับความหนืดได้ 3 ระดับ และโครงค้ำตัวถังด้านหน้า พร้อมได้ทำการยกความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-40 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับรุ่น

Polestar Arctic Circle Edition ใช้พื้นฐานจากรุ่น Long Range Dual Motor พร้อมติดตั้งชุดอัพเกรดพละกำลัง Performance Pack

  • Polestar 2 ให้กำลัง 470 แรงม้า จากการอัปเกรดซอฟต์แวร์
  • Polestar 3 และ 4 ยังคงกำลังเดิมที่ 510 แรงม้า และ 537 แรงม้า ตามลำดับ

 

รถทั้ง 3 คันจะเปิดตัวครั้งแรกในงาน FAT Ice Race 2025 ที่ Zell am See ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 นี้ โดย Michael Lohscheller CEO ของ Polestar กล่าวว่า “Arctic Circle Collection แสดงให้เห็นถึง DNA ด้านสมรรถนะของแบรนด์ Polestar ที่ผสานการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน การพัฒนาในสภาพแวดล้อมสุดท้าทายใน Arctic Circle ทำให้เราเชื่อมั่นว่า Polestar จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดบนเส้นทางน้ำแข็ง”

ถึงแม้รถทั้ง 3 รุ่นจะไม่มีแผนการผลิตจริง แต่ Polestar อาจนำแรงบันดาลใจจากโครงการนี้ไปพัฒนารุ่นพิเศษในอนาคต เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับรุ่น Polestar 2 BST ในอดีต

ที่มา: Carscoops