เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2025 Aston Martin ได้เปิดตัว Vantage รุ่นใหม่เวอร์ชั่นเปิดหลังคาหรือ Roadster ที่ได้ผสมผสานการออกแบบอันโดดเด่นของแบรนด์อังกฤษเข้ากับสมรรถนะชั้นสูง โดยไม่เพียงแต่มอบสมรรถนะที่ดีกว่ารุ่นเก่า แต่ยังมีพละกำลังเกือบเท่ากับ DB12 Volante อีกด้วย
Aston Martin Vantage Roadster ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตรที่ทันสมัยที่สุดของแบรนด์ เครื่องยนต์นี้มีพละกำลังสูงสุด 656 แรงม้า และแรงบิด 800 นิวตัน-เมตร ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลถึง 153 แรงม้า และแรงบิดเพิ่มขึ้น 115 นิวตันเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เกิดจากการปรับปรุงเทอร์โบชาร์จเจอร์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ปรับปรุงเพลาลูกเบี้ยวและปรับอัตราส่วนการอัด
เครื่องยนต์เบนซิน V8 ที่ทรงพลังนี้เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และดิฟเฟอเรนเชียลลิมิเต็ดแบบควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่งกำลังไปยังล้อคู่หลัง Aston Martin ระบุว่ารถสามารถเร่งความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 325 กม./ชม.
โดยปกติรถเปิดประทุนจะมีน้ำหนักมากกว่ารถหลังคาแข็งที่พัฒนามาในแพลตฟอร์มเดียวกัน อย่างไรก็ตาม Aston Martin ได้พยายามลดน้ำหนักเพิ่มให้เหลือน้อยที่สุด โดย Vantage Roadster มีน้ำหนักมากกว่ารุ่นหลังคาแข็งเพียง 60 กก. ซึ่งแทบจะไม่สามารถรู้สึกได้จากผู้ขับขี่ทั่วไป ขณะที่ตัวรถมีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังในอัตราส่วน 49:51 และใช้ระบบกันสะเทือนแบบดับเบิลวิชโบนที่ด้านหน้า และมัลติลิงก์ที่ด้านหลัง พร้อมโช้คอัพ Bilstein DTX แบบปรับความแข็ง-อ่อนได้
Vantage Roadster ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับยาง Michelin Pilot Sport S 5 รุ่นเฉพาะและเบรกเซรามิกคาร์บอนขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการตั้งค่าระบบควบคุมการลื่นไถลที่ปรับได้สูงถึง 8 ระดับ ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ที่แตกต่างกัน
การออกแบบหลังคาผ้าใบยังได้ยังได้รับการออกแบบโดยมีระบบพับแบบ Z-folding ซึ่งสามารถเปิดหรือปิดได้ที่ความเร็วสูงสุด 50 กม./ชม. และใช้เวลาเพียง 6.8 วินาที โดย Aston Martin เคลมว่านี่คือกลไกหลังคาแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติที่เร็วที่สุดในตลาด นอกจากนี้ หลังคายังสามารถเปิดหรือปิดได้จากระยะไกลผ่านกุญแจรีโมต Vantage Roadster ทุกรุ่นติดตั้งระบบเครื่องเสียงมาตรฐาน 11 ลำโพง และออฟชั่นเครื่องเสียงที่พัฒนาร่วมกับ Bowers & Wilkins
Aston Martin พร้อมส่งมอบ Vantage Roadster ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 เป็นต้นไป
ที่มา: Carscoops