เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา Denza ได้เปิดตัว D9 รุ่น Model year 2025 อย่างเป็นทางการในประเทศจีน โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อยสำหรับขุมพลัง Plug-in hybrid และ 3 รุ่นย่อย ขุมพลังไฟฟ้าล้วน โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ในช่วง 339,800 – 469,800 หยวน หรือประมาณ 1,593,411 – 2,203,015 บาท ซึ่งรุ่นใหม่นี้เน้นการปรับปรุงทางด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์เป็นหลัก
รูปลักษณ์ภายนอกโดยรวมยังคงเดิมเหมือนกับรุ่น Model Year 2024 แต่เพิ่ม LiDAR บนหลังคาเพื่อรองรับระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง ที่ Denza เรียกว่า “God’s Eye” BAS 3.0+ ซึ่งสามารถช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมืองและบนทางหลวง สามารถใช้งานระบบ Stop-and-go ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจจับเส้นเลนที่ไม่ปกติ การหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตร/ชม. อีกทั้ง ตัวรถยังติดตั้งเซ็นเซอร์ทั้งหมด 32 จุด
นอกจากนี้ รถยังมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และสีตัวถังใหม่ สีเทา Starry Gray ที่เพิ่มเข้ามาจากสีเดิม ได้แก่ สีดำ Night Black สีขาว Bright White และสีน้ำเงิน Elegant Blue
Denza D9 รุ่นใหม่มีขนาดความยาว 5,250 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร และความสูง 1,900 มิลลิเมตร พร้อมฐานล้อยาว 3,110 มิลลิเมตร ซึ่งสั้นลง 20 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2024 Denza ได้เคลมว่า D9 สามารถรองรับผู้โดยสารสูงที่ 180 เซนติเมตรได้ถึง 7 คน
ภายในยังคงการออกแบบเดิม มาพร้อมทางเลือกสีภายใน 2 สี ได้แก่ สีน้ำตาล Golden Brown และสีเบจ Beige
และเพิ่มเติมออฟชั่นดังนี้
- เพิ่มขนาดหน้าจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า
- ตู้เย็นในตัวขนาด 7.5 ลิตร อัพเกรดให้รองรับทั้งการทำความเย็นและการอุ่น
- ตัวกันลื่นในช่องชาร์จมือถือไร้สายของเบาะแถวกลาง
- เบาะแถวกลางอัพเกรดเป็นเบาะแบบ Zero-Gravity
- เบาะแถว 3 รองรับการปรับด้วยไฟฟ้า
Denza D9 ยังพร้อมระบบช่วงล่าง DiSus-C แบบ adaptive เทคโนโลยี iCCT (Intelligent Comfort Control Technology) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้าอัจฉริยะ
สำหรับรุ่น PHEV ใช้เทคโนโลยี DM-i รุ่นที่ 5 ของ BYD โดยติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินความจุ 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQB มีกำลังสูงสุด 154 แรงม้า เพิ่มขึ้น 17 แรงม้าจากรุ่นก่อนหน้า พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 200 268 แรงม้า ขณะที่รุ่น AWD เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อคู่หลังพละกำลัง 60 แรงม้า
เลือกใช้แบตเตอรี่ BYD Blade LFP ขนาด 39.938 kWh ให้ระยะวิ่งด้วยโหมด EV สำหรับรุ่น FWD และ AWD สูงถึง 200 กิโลเมตร และ 190 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน CLTC) พร้อมระยะทางรวม 1,100 กิโลเมตร และ 1,020 กิโลเมตร ตามลำดับ มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 5.85 ลิตร / 100 กิโลเมตร หรือ 17.09 กิโลเมตร / ลิตร ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตร/ชั่วโมง
สำหรับรุ่น EV ใช้สถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้าสูง 800V เป็นมาตรฐาน รองรับการชาร์จเร็วจาก 0% ถึง 80% ในเวลาเพียง 7 นาที และสามารถเพิ่มระยะทางการวิ่งได้สูงสุด 243 กิโลเมตร ภายในเวลาเพียง 15 นาที ด้วยแบตเตอรี่ BYD Blade LFP ขนาด 103 kWh มอบระยะทางวิ่งสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จที่ 620 กิโลเมตร
การปรับครั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ที่ส่งผลให้ยอดขายสะสมของ Denza D9 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนปี 2024 อยู่ที่ 92,945 คัน
ที่มา: Carnewschina