ภายหลังจากที่ nissan ได้เผยความคืบหน้าของการดัดแปลงรถสปอร์ตขับเคลื่อน 4 ล้อในตำนานอย่าง GTR R32 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 เป็นจุดเริ่มต้นของการผลัดเปลี่ยนจากขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในเบนซิน 6 สูบเทอร์โบคู่ไปสู่มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ โดยรถคันดังกล่าวได้ถูกเผยโฉมแบบเต็มคันผ่านทางการสื่อสารของ Nissan ก่อนที่จะนำรถคันจริงไปจัดแสดงที่มหกรรมแสดงรถยนต์แต่งประจำปีอย่าง 2025 Tokyo Auto salon

เพื่อเป็นการแนะนำเทคโนโลยีขุมพลังไฟฟ้าสมรรถนะสูงผ่านรถสปอร์ตตัวถังดั้งเดิม ก่อนที่จะติดตั้งในรถยนต์ตัวตายตัวแทนรุ่นต่อไป GT-R R36 อีกทั้งรถคันจริงยังได้ถูกนำไปจอดร่วมกับ GT-R คันอื่นๆในงานมิตติ้งที่สนามแข่ง Fuji Speedway เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

แนวคิดสำคัญของการดัดแปลงรถรุ่นนี้จะมีการปรับเปลี่ยนเส้นสายตัวรถให้น้อยที่สุด โดยจะทำการปรับปรุงเฉพาะในส่วนของชุดขุมพลังระบบส่งกำลัง ระบบเบรคและช่วงล่างเป็นหลัก

เมื่อสังเกตจากภาพชุดใหม่ที่เห็นกันอยู่นี้ พบว่าล้ออัลลอยที่มีการขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นแต่ยังใช้ลวดลายเช่นเดียวกับขนาด 16 นิ้วดั้งเดิม โดยมาพร้อมกับคาลิปเปอร์เบรคชุดใหม่สีส้ม พร้อมกับจานเบรคที่คาดว่าขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกัน เพื่อให้รองรับพละกำลังจากขุมพลังไฟฟ้าล้วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางด้านขุมพลังไฟฟ้าล้วนที่ติดตั้งลงในเจ้า godzilla ดั้งเดิมนี้ยังไม่ถูกเปิดเผยตัวเลขพละกำลังและแรงบิดสูงสุดแต่อย่างใด ทางสื่อต้นทางได้แต่คาดว่าจะมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ติดตั้งที่บริเวณเพลาล้อคู่หน้าและหลัง ซึ่งใช้เป็นชุดเดียวกันกับ Ariya NISMO ซึ่งให้พละกำลังสูงสุด 430 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์อีกว่าสาเหตุที่ Nissan มีการแนะนำขุมพลังไฟฟ้าสมรรถนะสูงให้กับรถสปอร์ตในตำนานรุ่นนี้ เนื่องจากตัวตายตัวแทนของ GTR รุ่นถัดไปจะติดตั้งขุมพลังไฟฟ้าล้วนอย่างแน่นอน โดยจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถต้นแบบรุ่น Hyper Force concept ซึ่งยังไม่มีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

และสำหรับแฟนๆที่ลุ้นว่าทาง Nissan จะเปิดตัวแบตเตอรี่ชนิดใหม่หรือ Solid-State เมื่อใด มีรายละเอียดอัพเดทมาอีกครั้งว่า จะเกิดขึ้นภายหลังปี 2028 อย่างแน่นอน หมายความถึง รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ที่ GT-R R36 อาจจะเปิดตัวภายหลังจากนั้น ตามที่ Nissan ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่อันทรงประสิทธิภาพนี้

ที่มา: Motor1