ตลาดรถยนต์ในเยอรมนีกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วน (EV) ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหาหลังจากรัฐบาลยกเลิกเงินอุดหนุนในปี 2023 ขณะที่รถยนต์ไฮบริดกลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อพิจารณายอดขายรถยนต์ในเยอรมนีในเดือนพฤศจิกายน 2024 ที่มียอดจดทะเบียนรถใหม่ทั้งหมด 244,544 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว โดยแบ่งออกเป็น

  • รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV): ยอดขายลดลง 22% เมื่อเทียบปีต่อปี เหลือเพียง 35,167 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 14.4% ของยอดจดทะเบียนทั้งหมด
  • รถยนต์ hybrid (รวม Plug-in hybrid หรือ PHEV): ยอดขายเพิ่มขึ้น 20.3% รวมทั้งหมด 94,554 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 38.7%
    ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรถ Plug-in hybrid (PHEV) จำนวน 20,604 คัน (เพิ่มขึ้น13.7%)
  • รถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน: ยอดขายลดลง 5.4%
  • รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล: ยอดขายลดลง 7.5%
  • รถยนต์ขุมพลังเบนซิน LPG Bi-fuel: แม้จะอยู่ในกลุ่มตลาดขนาดเล็ก แต่มียอดขายเพิ่มขึ้น 3.2%

 

การยกเลิกเงินอุดหนุน EV ของรัฐบาลในปลายปี 2023 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมรถ EV ดังจะเห็นได้จากยอดขายในปี 2024 ที่ตกต่ำตลอดปี โดยในเดือนพฤศจิกายนมีผลชัดเจนที่สุด
ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม Volker Wissing ยืนยันว่าตลาด EV ควรเติบโตได้โดยไม่ต้องอาศัยเงินอุดหนุนในระยะยาว แต่ข้อมูลในปัจจุบันสถานการณ์สะท้อนว่าตลาดยังไม่พร้อมที่จะพึ่งพาตนเอง ในขณะที่เยอรมนีเป็นตลาด EV ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับเส้นทางที่จะบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการห้ามจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปล้วนในปี 2035

 

ตัวอย่างของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ ได้แก่

Tesla ที่มียอดขายในเยอรมนีร่วงลงอย่างหนักถึง 55.1% โดยยอดขายในเดือนพฤศจิกายน Tesla ส่งมอบไปได้เพียง 2,103 คัน ส่งผลให้ยอดรวมตลอดปี 2024 ลดลง 43.6% เหลือเพียง 33,669 คัน

ขณะที่ Polestar ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตรถ EV ที่ยอดขายในเดือนพฤศจิกายนลดลง 26% และยอดขายรวมปีนี้ลดลงถึง 52.6%

 

ในขณะที่ EV กำลังชะลอตัว บางแบรนด์กลับมียอดขายฟื้นตัวอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะ Toyota ที่มุ่งเน้นไปที่รถ hybridมาโดยตลอด สามารถเพิ่มยอดขายถึง 104.5% ในเดือนพฤศจิกายน 2024 รวมไปถึงแบรนด์จากฝรั่งเศสอย่าง Peugeot ก็มียอดขายเพิ่มขึ้น 78.5% เช่นเดียวกันกับ Skoda และ Citroën ที่เติบโตได้อย่างมั่นคงเช่นเดียวกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดรถยนต์ในเยอรมนีขณะนี้ ได้สะท้อนความซับซ้อนของการเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีที่ยั่งยืน และรถ EV จะต้องการการสนับสนุนที่มากขึ้นเพื่อให้อยู่รอดต่อไป

ในทางกลับกัน ตัวเลขยอดขายรถ EV ที่ลดลงได้ชี้ชัดว่าผู้บริโภคยังไม่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ ขณะที่ฝรั่งเศสและสเปนกำลังจับตามองสถานการณ์ในเยอรมนีอย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะตัดสินใจยกเลิกเงินอุดหนุน EV ในปี 2025 นี้

โดยสรุป EU กำลังมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายห้ามจำหน่ายรถ ICE ในปี 2035 สถานการณ์ในเยอรมนีบ่งชี้ว่าผู้บริโภคและตลาดยังต้องการเวลาและการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อให้เปลี่ยนผ่านได้อย่างราบรื่น

ที่มา: Carscoops