เป็นช่วงที่ค่าย 4 ห่วงเดินหน้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายตัวถังทั้งขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในและขุมพลังไฟฟ้าล้วน โดยล่าสุดเป็นเวอร์ชั่นท้ายลาดทรงสปอร์ตของรถ SUV ยอดนิยมอย่าง Q5 Sportback พร้อมด้วยรหัสตัวแรงสมรรถนะสูงอย่าง SQ5
Audi ยังคงมีทางเลือกรถอเนกประสงค์ตัวถัง sport ที่รถทอนพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระเพิ่มเติมด้วยรูปทรงที่สปอร์ตกว่ารถอเนกประสงค์ปกติ โดยรถรุ่นใหม่นี้มีเส้นสายที่เฉียบคมยิ่งขึ้น พร้อมด้วยการปรับปรุงสมรรถนะการขับขี่และการทรงตัว
เส้นหลังคาบริเวณด้านหลังยังคงใช้แนวทางการออกแบบร่วมกันกับรุ่นก่อนหน้าที่มอบภาพลักษณ์การเป็นรถอเนกประสงค์รูปทรงซีดาน อย่างไรก็ตามได้มีการเพิ่มเติมพื้นที่กระจกรอบคันให้มากขึ้นรวมไปถึงการเพิ่มความจุห้องเก็บสัมภาระเป็น 515 ลิตร ขณะที่งานออกแบบบริเวณด้านหน้าและไฟท้ายยังคงใช้ร่วมกันกับรุ่นปกติที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฟแบบ OLED สามารถแสดงผลได้หลากหลายตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ตามกันชนหน้าและกันชนท้ายได้มีการเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ให้สมกับการเป็นรุ่นที่เน้นรูปลักษณ์ภายนอกสปอร์ตโฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นปกติ โดยมีการติดตั้งช่องดักลมและครีบรีดอากาศบริเวณกันชนท้ายซึ่งมีงานออกแบบแตกต่างจากรุ่นปกติ วัสดุที่นำมาตกแต่งในรุ่น S Line จะเลือกใช้เป็นสีดำด้าน
ขณะที่รุ่น SQ5 จะเลือกใช้เป็นสีเงินด้านตามแบบฉบับรุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมความพิเศษด้วยปลายท่อไอเสียทรงรีออก 4 รูที่ด้านท้าย
นอกจากนี้ทางค่ายยังได้เพิ่มเติมออฟชั่นสำหรับการใช้งานอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะราวหลังคาที่สามารถเลือกติดตั้งเพิ่มเติมได้
ภายในมาพร้อมกับชุดหน้าจออลังการงานสร้าง 3 ชิ้นซึ่งประกอบไปด้วยหน้าจอแสดงผลมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ขนาด 11.9 นิ้ว หน้าจอกลางสำหรับระบบ infortainment ขนาดใหญ่จุใจถึง 14.5 นิ้ว และหน้าจอที่เป็นออฟชั่นเสริมพิเศษให้เสียตังค์เพิ่มเติมสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าเพื่อรับชมความบันเทิงโดยไม่รบกวนสมาธิผู้ขับขี่ขนาด 10.9 นิ้ว ภายในห้องโดยสารเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกหรือหนังสังเคราะห์และวัสดุเส้นใยไมโครไฟเบอร์ตามจุดต่างๆ
Q5 Sportback ยังคงใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน Premium Platform Combustion (PPC) ร่วมกันกับแฝดผู้พี่ Q5 และ A5 ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นานนี้ โดยขุมพลังที่มีให้เลือกในตลาดยุโรปประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลพ่วงกันกับระบบ mild-hybrid และเตรียมเพิ่มทางเลือกขุมพลัง Plug-in hybrid ในอนาคตอันใกล้นี้
รุ่นเครื่องยนต์เบนซินความจุ 2.0 ลิตรแบบ 4 สูบพ่วงด้วยระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ให้พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร
รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลความจุ 2.0 ลิตรแบบ 4 สูบพ่วงด้วยระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์เช่นเดียวกันให้พละกำลังสูงสุดเท่ากันที่ 204 แรงม้าขณะที่แรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 400 นิวตัน-เมตร
ทั้งสองพ่วงด้วยระบบ mild-hybrid พี่มีแรฃดันไฟฟ้าสูงสุด 48 โวลท์ มาพร้อมมอเตอร์ที่ช่วยออกพละกำลังเพิ่มขึ้นอีก 24 แรงม้า (PS) ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 1.7 kWh ส่งกำลังผ่านล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัชคู่ 7 จังหวะ
ขณะที่รุ่นสมรรถนะสูง SQ5 Sportback ได้เปลี่ยนจากเครื่องยนต์ดีเซลมาเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร พร้อมระบบอนาจารแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์และระบบ mild-hybrid ให้พละกำลังรวมสูงสุด 367 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัชคู่ 7 จังหวะ
Audi จะพร้อมส่งมอบ Q5 Sportback ในยุโรปตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2024 นี้เป็นต้นไปโดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นในประเทศเยอรมนีที่ 54,800 ยูโรหรือประมาณ 1,993,678 บาท และเพิ่มขึ้นเป็น 85,400 ยูโร หรือประมาณ 3,106,937 บาท สำหรับรุ่นสมรรถนะสูง SQ5 Sportback ทั้ง 2 รุ่นมีค่าตัวแพงกว่าเกรดและเครื่องยนต์เดียวกันของ Q5 ปกติ อยู่ที่ 2,500 ยูโรหรือประมาณ 90,952 บาท
สำหรับตลาดอเมริกาเหนือทางใต้ 4 ห่วงได้ยืนยันว่าจะส่ง Q5 Sportback ลงทำตลาดตั้งแต่ช่วงปี 2025 เป็นต้นไปโดยพร้อมที่จะแข่งกับบรรดารถ SUV ท้ายลาดจากสัญชาติเดียวกันอย่าง BMW X4 และ Mercedes-Benz GLC Coupe รวมไปถึง Range Rover Velar อีกด้วย
ที่มา: Carscoops