Suzuki Motor Corporation รุกหนักด้วยรถ SUV ทรงสปอร์ตขุมพลังไฟฟ้าล้วนรุ่น e VITARA โดยเปิดตัวในอินเดียและยุโรป ดินแดนที่กำลังเตรียมรับแรงกระแทกจากกระแสรถ BEV ด้วยนโยบายและการสนับสนุนต่างๆจากภาครัฐ โดยในรุ่นนี้จะผลิตที่โรงงาน Suzuki Motor Gujarat ในประเทศอินเดีย โดยจะพร้อมทำตลาดในญี่ปุ่นบ้านเกิดเช่นเดียวกันและมีกำหนดการส่งมอบในช่วงกลางปี 2025
e VITARA ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถต้นแบบรุ่น “eVX” ที่ออกโชว์ตัวครั้งแรกในโลกเมื่องานมหกรรมยานยนต์ Auto Expo ประเทศอินเดีย ปี 2023 และ JAPAN MOBILITY SHOW ในช่วงปลายปีเดียวกัน จนสร้างกระแสความตื่นตัวรถ BEV จากแบรนด์รถเล็กแดนปลาดิบอย่าง Suzuki ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีแฝดคนละฝาจากพันธมิตรอย่าง Toyota ที่จะเปิดตัวตามมาในภายหลัง และคาดว่าจะได้รับการออกแบบโดยอ้างอิงจากรถต้นแบบ Toyota Urban SUV Concept ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2023
จุดเด่นที่นอกเหนือไปจากรูปทรงที่เน้นเส้นสายเหลี่ยมสัน ได้แก่เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนอันเป็นตัวชูโรงของรถรุ่นนี้ โดยเฉพาะรุ่นมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อไม่ให้ทิ้งกลิ่นอายของตัวลุยรุ่นพี่ในยุค 90 โดยมีชื่อเรียกว่า “ALLGRIP-e” ที่ทำงานผสมผสานกับเทคโนโลยีงานวิศวกรรมพื้นฐาน “HEARTECT-e” ที่ได้คิดค้นมาเพื่อขุมพลังไฟฟ้าล้วนเท่านั้น
มิติตัวรถ
- ความยาว 4,275 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,800 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,635 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 180 มิลลิเมตร
- รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมจอแสดงผลแนวนอน 2 จอที่ติดตั้งอยู่ติดกัน ขนาบข้างด้วยช่องระบายอากาศดีไซน์โดดเด่นและปุ่มควบคุมต่างๆ ที่เน้นการใช้งานได้อย่างสะดวก เกียร์ไฟฟ้าแบบหมุนตามสมัยนิยม ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง นอกจากนี้ยังมีสวิตช์สำหรับเลือกโหมดการขับขี่และเบรกมือไฟฟ้า
โทนสีการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบทูโทน พร้อมด้วยวัสดุหุ้มเบาะนั่งและแผงประตูที่ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้ดูทันสมัย รวมไปถึงระบบความปลอดภัยอย่างครบครัน
Suzuki e Vitara สำหรับตลาดยุโรปมีขุมพลังให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่
- รุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 144 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 189 นิวตัน-เมตร จับคู่กับแบตเตอรี่แบบ LFP ความจุ 49 kWh
- รุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 174 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 189 นิวตัน-เมตร จับคู่กับแบตเตอรี่แบบ LFP ความจุ 61 kWh
- รุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ 184 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร จับคู่กับแบตเตอรี่แบบ LFP ความจุ 49 kWh
รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ Trail ซึ่งจะช่วยให้สามารถเอาชนะอุปสรรคท่ามกลางสถานการณ์ขับขี่บนเส้นทางที่ท้าทายได้ โดยจะมีการเบรกล้อที่หมุนอยู่และถ่ายเทแรงบิดไปยังล้ออีกข้างหนึ่งเพื่อเสริมการยึดเกาะ หรือฟังก์ชั่น LSD
ที่มา: Motor1