Hyundai ได้ริเริ่มโปรเจ็ค Rolling Lab นับตั้งแต่ปี 2012 โดยเน้นไปที่การพัฒนารถสมรรถนะสูงเครื่องยนต์วางกลางลำคันแรกของค่ายรุ่น RN20e concept ซึ่งพัฒนาต่อยอดจากรถรุ่น VELOSTER ที่จนถึงปัจจุบันนี้ยังได้เข้าสู่กระบวนการผลิตจริงแต่อย่างใด รวมไปถึง RN22e concept ที่เปิดตัวเมื่อปี 2022 โดยเป็นการนำ IONIQ 6 มาพัฒนาต่อยอดบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน E-GMP

จนกระทั่งการมาถึงของ RN24 ที่เลือกใช้พื้นฐานจากIoniq 5 N โดยยังติดตั้งมอเตอร์คู่และชุดแบตเตอรี่รุ่นเดียวกัน แต่ได้เน้นการลดน้ำหนักตัวถังออกไปอย่างดุเดือด โครงสร้างตัวถังได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีจากรถแข่ง WRC ถึงแม้ระยะฐานล้อจะสั้นลง 13.3 นิ้ว ทีมพัฒนา N ก็ยังสามารถใส่แบตเตอรี่ขนาด 84.0 kWh เข้าไปที่ตัวถังรถได้ หลังจากการจัดเรียงเซลล์ใหม่

 

รถ EV สุดบ้าระห่ำรุ่นนี้มาพร้อมกับโรลเคจแบบโครงสร้างภายนอก (exoskeleton-style) และตัวถังที่ถูกตัดทอนให้เหลือลดน้ำหนักเหลือ 1,880 กิโลกรัม ซึ่งเบากว่า Ioniq 5 N ประมาณ 350 กิโลกรัม ด้วยล้ออัลลอย Forged ขนาด 19 นิ้วสีดำด้านจาก Elantra N พร้อมสปอยเลอร์ด้านหลังที่นำมาจากรถแข่ง TCR ของ Hyundai

นอกจากนี้ยังมีชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่นำมาจากตัวแข่งรายการแข่งขัน WRC โดยเฉพาะระบบ Powertrain Drive Control Logic ทำให้ผู้ขับสามารถปรับพละกำลังที่ส่งไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าผ่านปุ่มบนพวงมาลัยได้ รวมถึงสามารถปรับสมดุลกำลังระหว่างแรงขับเคลื่อนระหว่าง 2 เพลาได้ และผู้ขับยังสามารถปรับความไวของการเร่งและระบบเบรกแบบ regenerative ได้อีกด้วย

 

ระบบระบายความร้อนถูกพัฒนาต่อยอดจาก Ioniq 5 N ส่วน e-handbrake ที่ติดตั้งเพิ่มเติมได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง WRC ขณะที่การควบคุมแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้าถูกออกแบบให้เลียนแบบระบบกลไกของ i20 N Rally1 อีกทั้งยังมีโหมด Rally ที่จะปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้ทำงานใกล้เคียงกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป

RN24 ถูกออกแบบมาให้สามารถเลี้ยวแบบ drift ได้ แต่ก็ยังคงมีความเร็วสูงในทางตรง โดยสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่ถึง 3.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ประมาณ 240 กม./ชม. แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่ก็ยังสามารถได้ยินเสียงเครื่องยนต์เสมือนจากลำโพงข้าง 2 ตัวเพิ่มเติมจากลำโพงภายนอก

 

แม้ Hyundai จะไม่ได้มีแผนการขาย RN24 รุ่นนี้ แต่ให้ข้อมูลว่า RN24 มีบทบาทมากกว่าการเป็นเพียงรถทดสอบต้นแบบ เป็นการต่อยอดไปยังรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ที่กำลังจะตามหลังจาก Ioniq 5 N และ Ioniq 6 N ในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา: Motor1