Skoda ได้ฤกษ์เปิดตัวรถ SUV ขุมพลังไฟฟ้าล้วนรุ่นเริ่มต้นรุ่น Elroq ที่มีราคาจับต้องได้ง่าย เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางค่ายมีเพียงรถรุ่น Enyaq iV ที่มีขนาดตัวถังใกล้เคียงกันกับ Volkswagen ID. 4 ขณะที่ฝาแฝดขนาดเดียวกันกับ ID. 3 บนงานวิศวกรรมพื้นฐาน MEB platform ที่ขายโดยค่าย Skoda ยังไม่มีวางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันนี้ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา ทางค่ายจึงได้เปิดตัวรถรุ่น Elroq ได้ในที่สุด โดยจะมีขนาดตัวถังใกล้เคียงกับ Karoq
งานออกแบบภายนอกยังคงไว้ซึ่งความเรียบง่ายตามสไตล์เดียวกันกับรุ่นอื่นๆ ของค่าย โดยด้านหน้าเลือกใช้แนวทางการออกแบบที่ใช้ชื่อว่า “Tech-Deck Face.” ที่เป็นการออกแบบกระจังหน้าใหม่ ยกเลิกการใช้ซี่แนวตั้งตามแนวทางเดิม โดยเป็นการเปลี่ยนแนวทางและภาพลักษณ์ให้เป็นลุคสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีข้อได้เปรียบในเชิงของการติดตั้งเซนเซอร์ที่ทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัยเชิงปกป้องและกล้องด้านหน้ารถ
ไฟหน้าติดตั้งแบบแยกส่วนให้เข้าชุดกันกับรูปทรงของฝากระโปรงหน้า ที่มาพร้อมโลโก้แบบใหม่ใช้ตัวอักษรแทนโลโก้แบบสัญลักษณ์แบบดั้งเดิม ที่นับเป็นรุ่นแรกของค่าย ช่องรับลมบริเวณด้านหน้าที่ติดตั้งเพื่อสร้างภาพลักษณ์สปอร์ตและช่วยลดกระแสลมปะทะด้านหน้า ขณะที่เส้นสายรอบคันช่วยให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศลดลงเหลือเพียง 0.26 ขณะที่ล้ออัลลอยมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 19 ถึง 21 นิ้ว ตามแต่ละรุ่นย่อยและการตกแต่ง
มิติตัวถังรถ
- ความยาว 4,488 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,884 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,625 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,765 มิลลิเมตร
ภายในรถออกแบบเน้นสไตล์มินิมอล โดยมีหน้าจอมาตรวัดแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาดเล็กและพวงมาลัยที่เปลี่ยนไปใช้ตัวอักษร Skoda แทนโลโก้ พร้อมด้วยจอกลางขนาด 13 นิ้วแบบลอยตัว และจอ head-up display แสดงผลแบบเสมือนจริง (AR) บนกระจกบังลมหน้า ยังมาพร้อมกับผู้ช่วยส่วนตัวสั่งงานด้วยเสียง Laura ที่มีทำงานร่วมกับ ChatGPT ทำให้สามารถตอบคำถามทั่วไปและควบคุมระบบต่าง ๆ ของรถ เช่น ข้อมูลการขับขี่ การเชื่อมต่อ ความบันเทิง ระบบนำทาง และระบบปรับอากาศ
ถึงแม้ว่าฟังก์ชันส่วนใหญ่จะถูกควบคุมผ่านหน้าจอกลางและระบบสัมผัส แต่ Skoda ยังได้ติดตั้งปุ่มสั่งการแบบกดได้จริงเพื่อตอบสนองการใช้งานได้อย่างสะดวก พร้อมคันเกียร์มินิมอล นอกจากนี้ยังมีคอนโซลกลางแบบลอยตัวซ่อนช่องเก็บของด้านล่างขนาดใหญ่และระบบไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารเพื่อสร้างบรรยากาศยามเดินทาง เป็นมิตรต่อโลกด้วยวัสดุที่นำมาจากการรีไซเคิลอย่างผ้า RecyTitan และ TechnoFil
เนื่องจากเป็น Skoda จึงมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกเล็กๆ น้อยๆ ตามแนวความคิด “Simply Clever” เช่น ร่มที่ติดตั้งในประตู กล่องเก็บของสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และที่ขูดน้ำแข็งพร้อมมาตรวัดความลึกของดอกยาง และยังโดดเด่นด้วยห้องเก็บสัมภาระที่ใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน โดยมีความจุ 470 -1,580 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง 3 ระดับความแรง ได้แก่
รุ่น 50
มอเตอร์พละกำลังสูงสุด 170 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 55 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 375 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP สามารถชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรงได้ด้วยกำลังสูงสุด 145 kW
- อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายในเวลา 9 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร / ชั่วโมง
รุ่น 60
มอเตอร์พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 63 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 400 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP สามารถชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรงได้ด้วยกำลังสูงสุด 165 kW
- อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายในเวลา 8.5 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร / ชั่วโมง
รุ่น 85
มอเตอร์พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 545 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 82 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 581 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP สามารถชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรงได้ด้วยกำลังสูงสุด 175 kW สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลา 28 นาที
- อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายในเวลา 6.6 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ขณะที่รุ่นมอเตอร์คู่พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อย่าง Elroq 85x จะตามมาในภายหลัง โดย Elroq รุ่นเริ่มต้นมีราคาจำหน่ายในยุโรปที่ 33,000 ยูโร หรือประมาณ 1.2 ล้านบาท
ที่มา: Carscoops