Nissan อเมริกาเหนือกำลังดำเนินการเพื่อจัดการกับรถใหม่ค้างสต๊อคที่มากเกินไปโดยการลดการผลิตของรถรุ่นขายดีอย่าง Rogue และ Frontier ลงสูงสุดถึง 40,000 คันในเดือนกันยายนและตุลาคม 2024 นี้ โดยการตัดสินใจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของบริษัทในการลดปริมาณสินค้าคงคลังและตอบสนองต่อความต้องการที่ลดลงในตลาดแม้ว่ารุ่น Rogue จะเป็นโมเดลที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ก็ตาม

การลดการผลิตนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ตัวแทนจำหน่ายจัดการกับรถใหม่ค้างสต๊อคที่มากเกินไปและปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรในสถานการณ์ที่การแข่งขันในตลาดรถยนต์รุนแรงมากขึ้น การมีรถใหม่ค้างสต๊อคมากเกินไปอาจนำไปสู่การลดราคาเพื่อเร่งยอดขาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของรถยนต์และผลกำไรของตัวแทนจำหน่าย

Nissan Rogue Rock Creek Edition

ยอดขายของ Rogue ลดลง 4.5% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายของ Frontier เพิ่มขึ้น 17.1% แต่ยังไม่สามารถลดจำนวนรถใหม่ค้างสต๊อคให้อยู่ในระดับที่ Nissan กำหนดไว้ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมยานยนต์อีกด้วย

การลดการผลิตที่ Nissan ประกาศในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมจึงเป็นการตอบสนองต่อปัญหานี้ โดยมุ่งหวังที่จะจัดการกับสินค้าคงคลังที่มากเกินไปและปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรในสถานการณ์ที่ความต้องการอาจมีความผันผวน

 

รายงานจากสื่อยานยนต์ระดับโลก Automotive News อ้างว่า Nissan ได้แจ้งบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2024 ว่าบริษัทจะลดกำลังการผลิตที่โรงงานในเมือง Smyrna มลรัฐ Tennessee และเมือง Canton มลรัฐ Mississippi โดยจะลดการผลิต Rogue จาก 5 เหลือเพียง 4 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งจะดำเนินไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2024 ขณะที่การผลิต Frontier ก็ลดลงในรูปแบบเดียวกัน และจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2025

สถานการณ์ของ Nissan ตอนนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เมื่อบริษัทได้แจ้งตัวแทนจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2024 ให้ขายรถยนต์ในราคาไม่คุ้มทุนเพื่อช่วยลดจำนวนของรถใหม่ค้างสต๊อคที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจาก Nissan มีจำนวนรถเหลือพอสำหรับการส่งมอบล่วงหน้าจำนวนกว่า 100 วัน

การปรับลดกำลังการผลิตนี้อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์หรือการเปลี่ยนแปลงในความชอบของผู้บริโภคที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในการผลิตและจัดการสินค้าคงคลังของผู้ผลิตรถยนต์

ที่มา: Motor1