การเปิดตัวแบตเตอรี่ solid-State จากค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่มีความห่างไกลจากการผลิตขึ้นจริงในขณะนี้ ทั้งหลายค่ายจากทั่วโลกยังได้ประกาศเลื่อนแผนการทำตลาดแบตเตอรี่แบบ solid-State ไม่ว่าจะเป็น BMW ที่วางแผนไว้ในปี 2030 และ Toyotaในปี 2027 ที่ดูจะไม่มีวี่แววการนำมาใช้กับรถผลิตขายจริงในเร็ววันนี้แต่อย่างใด และคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงใกล้ปี 2030 เสียมากกว่า ทั้งนี้ยังมีเทคโนโลยีที่เรียกว่าแบตเตอรี่ semi-solid-state ซึ่งจะสามารถนำมาใช้ได้จริงก่อน
ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ภายใน 10 ปีข้างหน้า แบตเตอรี่ Solid-State จะปฏิวัติวงการรถยนต์ไฟฟ้าและการแข่งขันกันเพื่อเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ออกสู่ตลาดจะเป็นปัจจัยสำคัญในการก้าวไปอีกขั้นของผู้นำตลาดรถ EV” อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่จะยังไม่สามารถทำให้แบตเตอรี่ Solid-State ใช้จริงได้จนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังปี 2025 เป็นต้นไป
SAIC เครือรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีนได้เปิดตัวรถเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงที่ได้นำเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบ semi-solid-state มาใช้ในรถแบรนด์ IM รุ่น L6 โดยจะมีกำหนดการขึ้นสายพานการผลิตตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป ขณะที่แบรนด์ต่อไปภายใต้เครือ SAIC ที่จะได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีเช่นเดียวกันนี้ จะเป็นคิวของ MG ที่จะเปิดตัวภายในปี 2025
IM L6 รุ่นที่ใช้แบตเตอรี่แบบ semi-solid-state ขับขี่ได้ไกลสุด 1,000 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ มากกว่า 800 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และสามารถชาร์จเพียง 12 นาที และวิ่งได้ไกลสุด 400 กิโลเมตร ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 133 kWh
แบตเตอรี่ solid-State มีความจุพลังงานสูงกว่าแบตเตอรี่แบบปัจจุบันเป็น 2 เท่า ซึ่งหมายความว่าแบตเตอรี่ Solid-State จะให้ระยะทางการขับขี่ที่มากขึ้น หรือสามารถทำให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลง โดยที่ยังให้ระยะทางในการวิ่งได้เท่าเดิม
ทั้งนี้ Yu Jingmin executive vice presiden ของ SAIC ปฏิเสธที่จะเปิดเผยกับสื่อยานยนต์สัญชาติอังกฤษอย่าง Autocar ว่ารุ่นใดของ MG ที่จะได้ใช้แบตเตอรี่ semi-solid-state แต่ Yu Jingmin กล่าวว่า รถรุ่นดังกล่าวจะเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 และจะเริ่มวางจำหน่ายก่อนสิ้นปีเดียวกัน
ที่มา: Carscoops
IM L6 จากเครือ SAIC จะมีรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ solid state ขับได้ไกลกว่า 1,000 km (CLTC) ตามมา