BMW และ Toyota มีสิ่งหนึ่งที่คิดเห็นตรงกัน ได้แก่การนำเชื้อเพลิงไฮโดรเจนมาปรับใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน รวมไปถึงการเชื่อมั่นว่า การใช้ขุมพลังเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่มีประสิทธิภาพสูงจะเป็นทางเลือกแห่งอนาคต แต่ทว่า มีเพียง Toyota ที่ได้วางจำหน่าย Mirai ในรูปแบบที่คนทั่วไปซื้อหามาใช้ได้ ไม่ใช่แค่เพียงการเช่าซื้อแต่อย่างใด

ขณะที่ BMW ได้นำร่องด้วยการติดตั้งขุมพลังเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ในรุ่นทดสอบอย่าง iX5 Hydrogen ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา โดยยังไม่พร้อมวางจำหน่ายแต่อย่างใด และรถรุ่นนี้ ก็เป็นการนำขุมพลังเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนจาก Toyota มาติดตั้งลงไป นับว่าเป็นการขยายผลความร่วมมือนอกเหนือไปจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่าง Z4 / Supra

 

ขุมพลังเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนจาก Toyota ที่ติดตั้งอยู่ใน iX5 Hydrogen ประกอบไปด้วยชุดมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 401 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 6 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. โดยใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่แบ่งบรรจุลงในพังที่ผลิตจากวัสดุ carbon-fiber-reinforced plastic (CFRP) จำนวน 2 ถัง นับรวมกันได้ 6 กิโลกรัม และใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงเพียง 3-4 นาที เท่านั้น ทำให้ iX5 Hydrogen fuel cell สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางไกลสุดกว่า 504 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP

อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุทางตลาดของ X5 รุ่นปัจจุบันที่ใกล้จะหมดลงในปี 2026 นี้ BMW จึงเปลี่ยนไปเปิดตัวขุมพลังเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนยุคหน้า ในรถเจเนอเรชั่นถัดไปแทน โดยคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2028 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดงานวิศวกรรรมพื้นฐานจาก CLAR platform ที่ใช้ร่วมกันกับขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปทุกรูปแบบทั้งเบนซิน ดีเซล Mild-hybridและ Plug-in hybrid ขณะที่รุ่นขุมพลังไฟฟ้าล้วนจะใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน Neue Klasse

 

ทั้งหมดนี้ นับว่าเป็นการตอกย้ำแนวคิดริเริ่มของค่ายใบพัดฟ้าขาว นับตั้งแต่ได้นำเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเข้ามาใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายในเมื่อปี 1979 กับรถรุ่น 520h และยังขยายผลไปที่เครื่องยนต์ V12 ในรถ 7-series รหัส E38 และ E65 ก่อนที่จะห่างหายไปจนกระทั่งกลับมาเอาจริงกับขุมพลังเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่ร่วมกันพัฒนากับ Toyota ในครั้งนี้

สำหรับข้อจำกัดของการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่หลายคนทราบกันดี ได้แก่จำนวนปั๊มของไฮโดรเจนที่ยังคงมีให้เห็นน้อยมากทั่วโลก และจะมีการให้ความสำคัญในบางประเทศเท่านั้น และนั่นเป็นความท้าทายหลักของทั้ง BMW และ Toyota ที่จะต้องหาผู้ร่วมแนวทางและผู้ลงทุนสถานีไฮโดรเจนก่อนที่จะสามารถผลักดันให้มีการใช้งานได้จริง

ที่มา: Motor1