Karma เป็นอีกค่ายรถสัญชาติอเมริกันที่มีต้นกำเนิดจากรัฐ California ที่แยกตัวออกมาจาก Fisker Automotive ภายหลังจากเปิดตัวรถรุ่นแรก Revero ในปี 2017 ซึ่งเป็นการนำรถรุ่น Fisker Karma มาพัฒนาต่อยอดให้ใช้ขุมพลัง plug-in hybrid กว่าจะกลายมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ทางค่ายเตรียมวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2024 นี้ โดยจะผลิตจำนวนจำกัดเพียง 150 คันก่อนในล๊อตแรก
ขณะที่รุ่นน้องเตรียมคลอดล่าสุด ซึ่งใช้เวทีงานมหกรรมโชว์รถสุดหรูอย่าง Monterey Car Week รัฐ California สหรัฐอเมริกามาในรูปแบบรถอเนกประสงค์ที่ Karma นิยามว่า “grand touring utility vehicle” ซึ่งเป็นการบอกใบ้ว่ารถจะเน้นการวิ่งบนทางเรียบมากกว่าทางฝุ่น และยังคงเน้นเส้นสายที่ล้ำสมัย ซึ่งเป็นแนวทางการออกแบบใหม่หมดจดของแบรนด์ เตรียมเป็นอัตลักษณ์ที่จะสืบทอดมาจากรถสปอร์ตรุ่น Kaveya ที่มาพร้อมกับขุมพลังไฟฟ้าล้วน พละกำลังสูงสุดกว่า 1,000 แรงม้า ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในช่วงปี 2026 นี้
ทั้ง 2 รุ่น จะมีหน้าตาบริเวณกันชนหน้าคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะกระจังหน้าแบบซ่อนรูป ที่เหลือไว้เพียงช่องดักลมขนาดใหญ่ เช่นเดียวกันกับไฟหน้าที่มีขนาดเพรียวบาง ติดตั้งเป็นส่วนหนึ่งของกันชนหน้า
สำหรับขุมพลังที่จะติดตั้งลงในรถอเนกประสงค์รุ่น Ivara นี้ ยังไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัดว่า จะเป็นขุมพลัง plug-in hybrid และขุมพลังไฟฟ้าล้วนออกวางจำหน่ายพร้อมกันหรือไม่ Karma ค่อนข้างให้ความใส่ใจกับกระแสตอบรับของผู้บริโภคและกลุ่มลูกค้าแฟนคลับว่ามีความต้องการที่เปลี่ยนไปรวดเร็วเพียงใด และพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อทำให้รถรุ่นใหม่ตอบสนองความต้องการได้สูงสุด ขณะที่ระบบ plug-in hybrid จะทำงานในลักษณะอนุกรม ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินในการเป็นต้นกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่เท่านั้น โดยจะไม่มีการเข้าไปทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อโดยตรงแต่อย่างใด ลักษณะเช่นเดียวกันกับที่ติดตั้งอยู่ในรถซีดานรุ่น Revero
Karma ยังได้เตรียมเปิดตัวรถซีดานอีกรุ่น ได้แก่ Gyesera ที่แต่เดิมทางค่ายบอกไว้ว่าจะมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วนสมรรถนะสูง และได้เคยนำไปโชว์ตัวต่อสาธารณะในงานมหกรรมยานยนต์ 2024 Amelia Island Concours d’Elegance ขณะที่ในงาน Monterey Car Week ทาง Marques McCammon หัวเรือฝั่งดีไซน์ของ Karma กลับออกมาให้ข้อมูลครั้งใหม่ว่า อาจหันไปคบขุมพลัง plug-in hybrid แบบอนุกรมแทน
ที่มา: Motorauthority