ท่ามกลางกระแสความผันผวนของราคาจำหน่ายรถ EV ในประเทศไทย เมื่อหันไปมองสถานการณ์ของยอดขายรถ EV ในฝั่งยุโรป ก็เตรียมเข้าสู่ภาวะผันผวน เมื่อสหภาพยุโรปได้ออกมาประกาศกฎเกณฑ์ภาษีนำเข้าบทใหม่ ที่จะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2024 เป็นต้นไป
สำหรับเดือนมิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา เมื่อพิจารณายอดขายรถ EV ในประเทศเยอรมัน ประเทศต้นตำรับเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกมาอย่างช้านาน ที่เริ่มปรับตัวกับยอดขายรถ EV จากแดนมังกร จนสร้างสถิติที่น่าสนใจและอาจไม่ใช่หนังม้วนเดียวกับสถานการณ์ในประเทศไทยบ้านเรา
เมื่อพิจารณายอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลตลอดเดือนมิถุนายน 2024 ที่มีจำนวนมากถึง 297,329 คัน ที่จดทะเบียนในประเทศเยอรมัน ที่ยังคงมีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนของปี 2023 เป็นสัดส่วน 6.1% โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นรถ BEV จำนวน 43,412 คัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 14.6% ซึ่งลดลงกว่ายอดขายในเดือนเดียวกันของปี 2023 ที่มีสัดส่วน 18.1% เช่นเดียวกับสัดส่วนของรถยนต์ขุมพลัง Plug-in hybrid หรือ PHEV ที่กวาดยอดจดทะเบียนไปได้ 15,391 คัน ซึ่งมีสัดส่วนลดลง 3.4% จากเดือนเดียวกันของปี 2023
ข้อมูลดังกล่าวที่ได้รับการวิเคราะห์จาก German Federal Motor Authority โดยเป็นการเรียบเรียงจากสื่อยานยนต์ CarNewsChina ที่พบว่า แบรนด์รถยนต์แดนมังกรที่สร้างยอดขายอันดับที่ 1 ในเดือนมิถุนายน 2024 ได้แก่แบรนด์ MG ที่ขายไปได้จำนวน 5,158 คัน เพิ่มขึ้นจากจำนวน 2,699 คันในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมากกว่ายอดจากเดือนมิถุนายน 2023 ที่มีจำนวน 2,633 คัน
อีกสถิติที่น่าสนใจของแบรนด์ MG ในเยอรมัน ได้แก่ ยอดจดทะเบียนสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนมิถุนายน 2024 ที่มีจำนวน 13,602 คัน คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 44.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023
ขณะที่แบรนด์อันดับ 2 ได้แก่ Smart ซึ่งกลับมาทำตลาดอีกครั้งด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์รถ EV อย่างเต็มรูปแบบ โดยมียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1,626 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2024 อยู่ 7.75% แต่กลับน้อยลงกว่ายอดขายในเดือนเดียวกันของปี 2023 อยู่ 4.7% และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 Smart กวาดยอดจดทะเบียนไปได้จำนวน 8,549 คัน หรือเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 3.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023
ในส่วนของ BYD ที่มียอดจดทะเบียนอยู่ที่จำนวน 425 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2024 ถึง 201 คัน โดยภายหลังจากการเปิดตลาดใหม่ในเยอรมัน BYD สร้างยอดขายสะสมตลอดช่วงครึ่งปี 2024 ไว้ที่จำนวน 1,202 คัน
Polestar ที่มียอดจดทะเบียนในเดือนมิถุนายน 2024 อยู่ที่ 334 คัน นับว่าลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2024 ที่จำนวน 414 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.32% และลดลงจากเดือนเดียวกันของปี 2023 อยู่ถึง 950 คัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 65% ขณะที่ยอดจดทะเบียนสะสมตลอดช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 มีจำนวน 1,585 คัน ที่รั้งอันดับที่ 3 ในขณะที่ แต่ก็ยังลดลงจากสถิติเดียวกันของปี 2023 อยู่ 49.8%
GWM ที่นำเสนอแบรนด์ Ora ตั้งแต่ปี 2023 มียอดจดทะเบียนที่ 297 คัน เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 10.82% จากเดือนพฤษภาคม 2024 และเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 52% จากเดือนเดียวกันของปี 2023 รวมไปถึงสถิติยอดขายสะสมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,375 คัน เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 118.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023
สำหรับแบรนด์อันดับที่ 6 ได้แก่แบรนด์ Nio ที่กวาดยอดจดทะเบียนไปได้ 44 คัน ตามมาด้วยอันดับที่ 7 Lotus ที่ 35 คัน แบรนด์ Aiways อันดับที่ 8 ด้วยจำนวน 16 คัน Lynk&Co ที่รั้งอันดับที่ 9 ด้วยจำนวน 12 คัน ปิดท้ายด้วยอันดับที่ 10 ด้วยแบรนด์ Maxus จำนวน 10 คัน
สิ่งที่น่าจับตาได้แก่ยอดจดทะเบียนของรถ EV จากแดนมังกรตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2024 เป็นต้นไป ที่อัตราภาษีนำเข้าได้ถูกปรับเป็นสัดส่วนของแบรนด์ BYD SAIC และ SAIC (MG และ MAXUS) ที่ 17.4% 20% และ 38.1% ตามลำดับ
ที่มา: Carnewschina