ความเคลื่อนไหวของการทำตลาด X-Trail รุ่นต่อไปในประเทศไทยยังไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัด แต่อีกซีกโลกหนึ่งโดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือที่เป็นตลาดหลักของรถรุ่นนี้ รวมถึงเป็นที่แห่งแรกที่ Nissan เลือกใช้เป็นตลาดหลักและวางจำหน่ายภายใต้ชื่อ Rouge โดยรหัสตัวถัง T33 นี้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2020 ด้วยทางเลือกเครื่องยนต์เบนซินไร้ระบบอัดอากาศความจุ 2.5 ลิตร เพียงแบบเดียว ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา

หลังจากนั้นในวันที่ 16 ตุลาคม 2023 Nissan ได้เปิดตัวรุ่นปรับโฉมของเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในอเมริกาเหนือ โดยยังคงใช้ขุมพลังเดิม ที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นและยุโรปซึ่งหันไปพึ่งพาชุดขุมพลัง e-POWER แทน

 

อย่างไรก็ตามด้วยกระแสความนิยมรถ SUV หรือ crossover ที่แต่งองค์ทรงเครื่องแบบพร้อมลุยหรือ Overland Adventure และรองรับกิจกรรมกลางแจ้งยามสุดสัปดาห์ในอเมริกาเหนือที่กำลังได้รับความนิยม Nissan จึงได้เปิดตัว Rogue Rock Creek Edition ที่อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชั่นที่รองรับการใช้งานดังกล่าว

 

Nissan ได้ออกแบบให้ตัวรถมาพร้อมการแต่งที่แตกต่างจากรุ่นปกติ โดยเริ่มที่กระจังหน้าชิ้นใหม่ที่ตกแต่งด้วยสีแดง Lava red พร้อมทำสีกระจังหน้ารมดำ โดดเด่นด้วยโลโก้ Nissan ตกแต่งด้วยสีแดงเช่นเดียวกัน พร้อมด้วยการติดตั้งป้ายบ่งบอกชื่อรุ่นไว้ที่ประตูคู่หน้า ROCK CREEK สีดำเงา พร้อมโลโก้สี Lava red เช่นเดียวกับคำว่า AWD ที่บริเวณด้านหลัง นอกจากนี้ยังเสริมประโยชน์ใช้สอยด้วยราวหลังคาขนาดใหญ่ที่มาพร้อมคานขวางเพื่อติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้ ตัวอย่างเช่นตัวจับยึดเรือแคนูในแนวตั้ง

  

 

นอกจากนี้ยังมาพร้อมล้ออัลลอยสีดำด้านตกแต่งด้วยโลโก้สีแดง Lava red ขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 235/65R17 จาก Falken รุ่น Wild Peak all-terrain มาให้จากโรงงาน มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Everest White สีดำ  Super Black สีเทา Boulder Gray และสีน้ำตาล Baja Storm ประจำรุ่น Rock Creek

 

ภายในมาพร้อมเบาะนั่งที่หุ้มด้วยวัสดุทนการเปื้อนและสามารถทำความสะอาดได้โดยง่าย อีกทั้งยังติดตั้งระบบอุ่นเบาะ และตกแต่งด้วยการเดินด้ายสีแดง Lava red สำหรับคอนโซลหน้ายังคงใช้การตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ piano black เช่นเดิม โดยยังใช้หน้าจอกลางขนาด 8 นิ้ว ที่มาพร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto

 

ขุมพลังของ Nissan Rogue Rock Creek Edition ยังคงใช้บริการเครื่องยนต์เบนซิน รหัส KR15DDT แบบ 3 สูบ ขนาด 1,498 ซีซี. เทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84.0 x 88.9 – 90.1 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 8.0 – 14.0 : 1 กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) ที่ 2,800 – 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 305 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Xtronic พร้อมขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีโหมดการขับขี่ Off-Road

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังติดตั้งฟังก์ชั่น Off-Road view ที่เพิ่มความสามารถให้ผู้ขับขี่มองทะลุฝากระโปรงหน้าไปที่พื้นผิวขรุขระด้านล่าง ด้วยความสามารถของระบบ Around View Monitor system ด้วยความเร็วต่ำกว่า 19 กิโลเมตร / ชั่วโมง รวมไปถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ ProPilot Assist และ ที่ Nissan Safety Shield® 360 ติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยยังสงวน ProPilot Assist 2.1 ไว้เป็นออฟชั่นสำหรับรุ่นย่อย SL และ Platinum เท่านั้น

ที่มา: Carscoops