หลังจากที่ปล่อยให้เป็นกระแสรอเปิดตัวอยู่พักใหญ่ โดยมีเพียงการปล่อยรูปภาพของรถคันจริงที่ยังถูกพรางตัวอย่างแน่นหนา ทางค่าย Volkswagen ก็ได้ฤกษ์เปิดผ้าคลุมของเวอร์ชั่นแรงสุดของ Golf เจเนอเรชั่น 8.5 (รุ่น Facelift) ภายใต้รหัส R เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2024 ครบทั้งตัวถัง Hatchback และ Station wagon โดยมีการอัพเกรดขุมพลังให้มีพละกำลังแรงสุดในกลุ่มเครื่องยนต์สันดาป เทียบเท่ากับรุ่นพี่อย่าง Arteon R Shooting Brake

 

งานออกแบบภายนอกเลือกใช้ชิ้นส่วนร่วมกับรุ่นปรับโฉมของ Golf เจเนอเรชั่น 8.5 ที่มาพร้อมกับไฟหน้าชุดใหม่ เข้าชุดกันกับโลโก้ VW เรืองแสงตามสมัยนิยม กันชนหน้าได้ถูกออกแบบใหม่ให้มีเส้นสายที่พลิ้วไหว เพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเจาะช่องดักลมเพื่อระบายความร้อนให้กับระบบเบรก

 

นอกจากนี้ยังติดตั้งชิ้นงานตกแต่งรอบคันด้วยสีดำเงา ขณะที่ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบ LED ออกแบบใหม่มาให้จากโรงงาน ซึ่งจะเข้าชุดกันกับแผ่นดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังและปลายท่อไอเสียแบบออก 4 รู

 

ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับ Golf R พร้อมด้วยออฟชั่นแพ็คเกจเสริม Performance Package ที่มาพร้อมสปอยเลอร์หลังคาชิ้นใหญ่ขึ้น ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ฟังก์ชั่นการวัดแรง G รวมไปถึงนาฬิกาจับเวลาต่อรอบในสนามแข่งซึ่งระบุตำแหน่งรถโดยใช้ GPS พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ใหม่ 2 รูปแบบ ได้แก่ Special และ Drift

ซึ่งโหมด Special นี้ทางทีมวิศวกรของ Volkswagen ได้นำ Golf R ลงไปทดสอบในสนามอันเลื่องชื่ออย่าง Nürburgring เพื่อรับรองว่าจะสามารถดึงศักยภาพสูงสุดมาใช้งานในสนามได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมไปถึงการปลดล๊อคความเร็วสูงสุดให้เพิ่มขึ้นเป็น 269 กม. / ชม. อีกด้วย

 

ภายในมาพร้อมหน้าจอกลางขนาด 12.9 นิ้ว ที่ได้รับการอัพเดทระบบปฏิบัติการใหม่ พร้อมด้วยหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.2 นิ้ว ทำงานร่วมกับฟังก์ชั่น Digital Cockpit Pro ซึ่งรองรับการแสดงผลข้อมูลการขับขี่เฉพาะรุ่น Golf R รวมไปถึงการปรับชิ้นส่วนตกแต่งภายในห้องโดยสารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการติดตั้งไฟเรืองแสงเพิ่มเติมตามจุดต่างๆ

 

ขุมพลังของ Volkswagen Golf R เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 1,984 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 329 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 2,100 – 5,350 รอบ/นาที มากกว่ารุ่น Mark 8 อยู่ 9 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ ขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MOTION มีตัวเลขสมรรถนะดังนี้

  • อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม. / ชม. ภายในเวลา 4.6 วินาที (รุ่น Hatchback)
  • อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม. / ชม. ภายในเวลา 4.8 วินาที (รุ่น Estate)
  • ความเร็วสูงสุด 250 กม. / ชม. (จำกัดความเร็ว)

 

สำหรับชาวยุโรปยังสามารถเลือกซื้อ Golf R Black Edition ที่ตกแต่งตัวถังภายนอกด้วยสีดำสนิท พร้อมด้วยการเลือกใช้ตราสัญลักษณ์ต่างๆ เป็นสีดำ รวมไปถึงการพ่นสีคาลิปเปอร์เบรกสีดำ และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว สีดำ ปลายท่อไอเสียสีดำ นอกจากนี้ยังมีไฟหน้าแบบ LED matrix จาก IQ.Light และยังได้ติดตั้งแพ็คเกจ Performance pack มาให้จากโรงงาน รวมไปถึงล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว แบบ forged ที่มีน้ำหนักเบาลงกว่าล้ออัลลอยขนาดเท่ากันถึง 8 กิโลกรัม

 

Volkswagen พร้อมวางจำหน่าย Golf R ทั้งตัวถัง hatchback และ wagon ในยุโรปตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยยังไม่ประกาศว่าจะทำตลาดที่ใดอื่นในขณะนี้แต่อย่างใด ขณะที่ตลาดสหรัฐอเมริกายังคงวางจำหน่าย Golf R Mark 8 เวอร์ชั่นเกียร์ธรรมดาเป็นล๊อตสุดท้าย ก่อนที่จะยุติการจำหน่ายในสิ้นปี 2024 นี้

ที่มา: Motor1