ผลสำรวจราคารถยนต์ใช้แล้วเปรียบเทียบระหว่างรถยนต์ที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วนและเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยเว็บไซต์ยานยนต์สัญชาติอเมริกา iSeeCars ที่ได้ทำการศึกษาแนวโน้มของราคารถทั้ง 2 รูปแบบขุมพลังตั้งแต่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่ทำให้ราคารถยนต์ใช้แล้วลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในภายหลังได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในระดับที่ปกติเมื่อปี 2023 ซึ่งมีอัตราราคาจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้วเฉลี่ยเพิ่มขึ้น

โดยข้อมูลทั้งหมดคำนวณจากฐานข้อมูลรถใช้แล้วจำนวน 2.2 ล้านคัน ที่มีอายุรถตั้งแต่ 1-5 ปี และทำการขายตั้งแต่ช่วงเดือน มิถุนายน 2023 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2024

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ iSeeCars ค้นพบได้แก่ ช่องว่างระหว่างราคาเฉลี่ยของรถยนต์ใช้แล้วขุมพลังไฟฟ้าล้วนกับเครื่องยนต์สันดาปภายในมีช่องว่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังที่แสดงในตารางข้อมูลด้านล่าง ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2024 ดังจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 จนถึงเดือนมกราคม 2024 ราคารถยนต์ใช้แล้วขุมพลังไฟฟ้าล้วนจะยังมีค่าเฉลี่ยสูงกว่ารถสันดาป จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เป็นต้นมา สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป โดยราคาเฉลี่ยของรถ EV กลับมีค่าต่ำกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปตั้งแต่ 0.9% จนถึง 8.5% ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

 

เมื่อย้อนไปถึงอดีตที่ราคาเฉลี่ยของรถ EV ใช้แล้วมากกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปถึง 25.1% หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 8,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งในขณะนั้นแคมเปญและสงครามราคาของรถ EV ยังไม่มีความร้อนระอุเท่ากับในปัจจุบันนี้ จึงทำให้ราคาเฉลี่ยของรถ EV ลดลงจาก 40,916 เหลือเพียง 28,767 เหรียญสหรัฐฯ ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 11 เดือน
ทางด้านราคาเฉลี่ยของรถใช้แล้วขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปที่มีเสถียรภาพทางด้านราคามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 เป็นต้นมาจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 31,000 เหรียญสหรัฐฯ และไม่ได้มีส่วนเพิ่มหรือลดเท่าใดนัก

 

ตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นเกิดจากมวยคู่เอกอย่าง Tesla Model 3 และ BMW 3-series ที่ในด้าน Tesla จะมีราคาเฉลี่ยมากกว่า BMW อยู่ 2,635 เหรียญสหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงแค่ 11 เดือน ราคาเฉลี่ยของ BMW กลับขึ้นมาแซงหน้าได้ที่ส่วนต่าง 4,806 เหรียญสหรัฐฯ

สำหรับแนวโน้มยอดขายของรถ EV ในสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว ถึงแม้ว่าราคาจำหน่ายจะมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และการแข่งขันในระดับโลกมีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดขายจะสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของค่านิยมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน

ที่มา: Motor1