หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2024 American Honda Motor Co., Ltd. ก็ได้ฤกษ์เดินสายพานการผลิตของเวอร์ชั่นขุมพลัง plug-in Hybrid + Hydrogen Fuel Cell ที่ใช้ชื่อว่า e:FCEV เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งจะพร้อมสำหรับการวางจำหน่ายทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งโรงงาน Performance Manufacturing Center (PMC) ที่ได้รับความไว้วางใจในการผลิตรถรุ่นพิเศษดังกล่าวนี้ ตั้งอยู่ใน Marysville รัฐ Ohio สหรัฐอเมริกา
โดยรูปแบบการนำมาติดตั้งกับ CR-V รุ่นที่ 6 นี้ จะเป็นการทำงานผสมผสานกันระหว่างแบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ในเวอร์ชั่น e:PHEV โดยจะสังเกตเห็นได้ถึงฝาปิดถังด้านข้างตัวถังที่มีทั้ง 2 ด้าน ซึ่งในเวอร์ชั่น e:FCEV จะเปลี่ยนจากถังน้ำมันเป็นถังเชื้อเพลิงไฮโดรเจน
มอเตอร์ขับเคลื่อนที่ติดตั้งอยู่บริเวณเพลาล้อด้านหน้า สามารถให้กำลังสูงสุดได้ 174 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ร่วมกับ CR-V e:HEV ซึ่งถังเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่ติดตั้งบริเวณพื้นตัวถังด้านหลังและบริเวณห้องเก็บสัมภาระมีความจุสูงสุดที่ 4.3 กิโลกรัม ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 432 กิโลเมตร เมื่อรวมกับระยะทางที่ได้จากแบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 17.7 kWh ที่ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 46 กิโลเมตร ทำให้พิสัยการเดินทางสูงสุดตามมาตรฐาน EPA ของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 478 กิโลเมตร
ซึ่งชุด Hydrogen fuel cell นี้ ทาง Honda ได้ทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับ General Motors (GM) และถูกผลิตขึ้นจาก Fuel Cell System Manufacturing LLC เมือง Brownstown รัฐ Michigan ผลพวงจากการร่วมมือกันวิจัยและพัฒนาทำให้ต้นทุนของการผลิตเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนลดลงกว่า 2 ใน 3 เมื่อเทียบกับ FCX Clarity ปี 2019
เนื่องจากมีการใช้วัสดุที่ล้ำสมัยสำหรับการผลิตขั้วไฟฟ้า สาร electrode ซีลต่างๆ ของเซลล์เชื้อเพลิง รวมไปถึงอุปกรณ์ส่วนควบที่ถูกทำให้สามารถผลิตขึ้นได้โดยง่าย รวมไปถึงการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทั้งหมดนี้ทำให้เซลล์เชื้อเพลิงสามารถทนการกัดกร่อนได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงมีความทนทานขึ้นอีกเท่าตัว ด้วยประสิทธิภาพในการทำงานภายใต้อุณหภูมิต่ำ
Honda เอาจริงกับเส้นทางของเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ด้วยการตั้งเป้าให้บรรลุเสาทั้ง 4 ที่ประกอบไปด้วย ยานยนต์กลุ่มพลังเซลล์เชื้อเพลิง รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิง เซลล์เชื้อเพลิงที่ให้พลังงานในแต่ละหน่วยธุรกิจย่อย และเซลล์เชื้อเพลิงที่ให้พลังงานกับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการส่งเสริมเป้าหมายใหญ่ในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน
ที่มา: Honda