BMW เลือกเปิดตัว 1-Series รุ่นปรับโฉมของ F40 ในฐานะรุ่นใหม่ All-new (อาจจะถูกใจคำนี้จากประเทศไทย?) โดยใช้รหัสตัวถังว่า F70 ซึ่งมีงานออกแบบที่แตกต่างจากรุ่นปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด จนหลายคนอาจสับสนและคิดว่าเป็น All-new จริงๆ ก็เป็นได้ มาพร้อมรหัส 118d 120d 120 และ M135 xDrive นับว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ของ 1-Series ที่จะไม่มีทางเลือกเกียร์ธรรมดาอีกต่อไป
อีกทั้ง 1-Series รุ่นนี้ยังเป็นรถรุ่นแรกที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซินจะไม่มีตัว “i” ต่อท้ายรหัสตัวเลข เพื่อเป็นการสงวนไว้ให้ใช้กับเฉพาะรุ่นขุมพลังไฟฟ้าเท่านั้น
งานออกแบบภายนอกเน้นเส้นสายที่แตกต่างด้วยกระจังหน้าไตคู่ทรงใหม่ พร้อมด้วยการลดขนาดทั้งไฟหน้าและกระจังหน้าลง ขณะที่ไฟท้ายกลับมีความทันสมัยขึ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถครอสโอเวอร์รุ่น X2 เจเนอเรชั่นล่าสุด
ตัวรถจะมีความยาว 4,361 มิลลิเมตร กว้าง 1,800 มิลลิเมตร สูง 1,459 มิลลิเมตร และความยาวฐานล้อ 2,670 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดใต้ท้องที่ 215 มิลลิเมตร มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 หรือ 21 นิ้วตามแต่ละรุ่นย่อย
ภายในมาพร้อมหน้าจอกลางขนาด 10.7 นิ้ว ขณะที่หน้าจอมาตรวัดผู้ขับขี่จะมีขนาด 10.25 นิ้ว โดยทั้ง 2 ติดตั้งเป็นแบบจอโค้ง และทำงานด้วยระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ทำการออกแบบปุ่มกดบริเวณคอนโซลหน้าใหม่ ซึ่งจะทำให้ปุ่มกดต่างๆหายไปพอสมควร ลดการรบกวนสายตาผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า โดดเด่นด้วยช่องแอร์ใหม่ที่สามารถปรับทิศทางลมได้ด้วยปุ่มปรับแยกส่วน
การเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในที่เน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะหันไปพึ่งพาวัสดุสิ่งทอเพื่อทดแทนหนังแท้ รวมไปถึงออกชั่นผ้าแบบ anthracite Arktur หน้าจอ head-up display หลังคา panoramic glass roof และเครื่องเสียงพรีเมี่ยมจาก Harman Kardon ขณะที่แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบปรับอากาศแบบ dual-zone และ ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ ambient lighting ก็จะต้องเสียเงินเพิ่มเช่นเดียวกัน
เบาะนั่งด้านหลังยังคงสามารถพับได้แบบ 40:20:40 ซึ่งหาได้ยากในรถกลุ่มนี้ เพื่อให้สามารถขนสัมภาระที่มีความยาวได้ โดยที่ยังสามารถโดยสารได้ตามปกติ พร้อมความจะห้องเก็บสัมภาระ 380 ลิตร และเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง
BMW ยังได้เพิ่มระบบความปลอดภัยให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานมากยิ่งขึ้น ได้แก่ ระบบเตือนการชนด้านหน้า front collision warning ระบบเตือนรถออกนอกเลน Lane Departure Warning ระบบเตือนสิ่งกีดขวางขณะออกนอกรถ Exit Warning ระบบตรวจจับสัญญาณจราจร Traffic Sign Recognition และระบบช่วยนำรถเข้าช่องจอดพร้อมความจำนำรถออกจากช่องจอด Parking Assistant with Reversing Assistant
ขณะที่ระบบช่วยบังคับเลี้ยวอัตโนมัติ Steering and Lane Control Assist ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติตามกฎหมายกำหนด Automatic Speed Limit Assist ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Active Cruise Control with Stop & Go และระบบนำรถเข้าจอดโดยควบคุมผ่านโทรศัพท์มือถือ Parking Assistant Professional จะยังคงเป็นออฟชั่นที่จ่ายเงินเพิ่มเติม
ขุมพลังของ BMW 1-Series ใหม่ ในตลาดโลก มีให้เลือก 4 รหัส ได้แก่ 120, 118d, 120d และตัวแรง M135 xDrive
– 120 เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร Turbo + MHEV 156 แรงม้า (HP) 240 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ Dual-clutch 7 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม. / ชม.ใน 7.8 วินาที
– 118d ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร Turbo 150 แรงม้า (HP) 360 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ Dual-clutch 7 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม. / ชม. ใน 8.3 วินาที
– 118d ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร Turbo + MHEV 150 แรงม้า (HP) 360 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ Dual-clutch 7 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม. / ชม. ใน 7.9 วินาที
– M135 xDrive เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Turbo 300 แรงม้า (HP) 400 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ Dual-clutch 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive อัตราเร่ง 0-100 km/h ใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม. / ชม.
พิเศษสำหรับ M135 xDrive ยังสามารถเลือกติดตั้งแพ็คเกจดังนี้ได้ M Sport Package M Sport Design และ M Technology Package เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่ได้อย่างครบครันยิ่งขึ้น
All NEW BMW 1-Series (F70) จะเริ่มวางจำหน่ายในตลาดยุโรป ช่วงเดือนตุลาคม 2024 สำหรับตลาดอื่นๆ ต้องมารอลุ้นกันต่อไป
ที่มา: Carscoops