1. เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ตัน จง อินเตอร์เนชั่นแนล (TCIL) และซูบารุ คอร์ปเปอรเรชั่น ประกาศการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งขับเคลื่อนกิจการร่วมค้า ตัน จง ซูบารุ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย (TCSAT) ไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความจำเป็นของแนวทางที่มองไปข้างหน้าและรองรับอนาคตที่ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดเกิดใหม่ ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป รถที่จำหน่ายในตลาดประเทศไทย เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชาจะเปลี่ยนไปจำหน่ายรถนำเข้า หรือ Complete Build Up (“CBU”) จากประเทศญี่ปุ่น อันจะทำให้สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเช่นประเทศไทยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังเสริมการสร้างแบรนด์ผ่านรถยนต์ซูบารุรุ่นใหม่ๆ ในตลาดกลุ่มพรีเมียมที่เน้นเทคโนโลยีเป็นหลัก

 

กิจการร่วมลงทุนจะยังคงความแข็งแกร่งเพราะตัน จง อินเตอร์เนชั่นแนล (TCIL) และซูบารุ คอร์ปเปอรเรชั่น จะได้ความคล่องตัวและรุดหน้าต่อไปบนเส้นทางธุรกิจที่มีศักยภาพทั้งในประเทศไทย เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา อีกทั้งการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์นี้จะทำให้แบรนด์ซูบารุประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในตลาดที่มีพลวัตเหล่านี้ นับเป็นก้าวย่างใหม่ของ ตัน จง อินเตอร์เนชั่นแนล (TCIL) ที่ร่วมกับซูบารุ คอร์ปเปอเรชั่น ในการส่งมอบคุณค่าที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าชาวไทย

 

สำหรับตลาดประเทศไทย แบรนด์ซูบารุนับว่ามีชื่อเสียงในด้านเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์และคุณภาพการขับขี่ในอีกระดับ คุณค่านี้ของแบรนด์จะยังคงดึงดูดแฟนซูบารุชาวไทยต่อไปด้วยการเปิดตัวรถซูบารุรุ่นใหม่ๆ ในตลาดกลุ่มพรีเมี่ยม ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นและยืนยันในการดูแลเจ้าของรถซูบารุทุกคนในประเทศไทยผ่านบริการไว้วางใจได้ของตัวแทนจำหน่ายซูบารุในประเทศไทย ไม่ว่าการดูแลลูกค้าด้านบริการหลังการขาย ความพร้อมของอะไหล่ และมาตรฐานการรับประกันตัวรถ จะยังเป็นคุณภาพเดียวกันกับปัจจุบันแม้จะเปลี่ยนไปจำหน่ายรถรุ่นใหม่ๆ ที่นำเข้าโดยตรงจากประเทศญี่ปุ่นก็ตาม

——————//——————

 

J!MMY Said : ถึงทุกท่าน เรื่อง Subaru

ก่อนที่จะมีการลือกันผิดๆ ผมขอสื่อสาร ในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นความจริง

เมื่อวานนี้ น่าจะเริ่มมีการรับรู้เรื่องราวของ โรงงาน Subaru แล้ว…

ผมขอสรุปดังนี้ครับ

1.ซูบารุ ประเทศไทย ยังไม่ปิดกิจการ ยังไม่เจ๊ง การร่วมทุนกันระหว่าง Subaru ญี่ปุ่น และกลุ่ม Tan Chong สิงค์โปร์ จะยังมีต่อไป

2. Subaru และ Tan Chong ตัดสินใจ… “หยุดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ชั่วคราว” โดยจะมีการผลิต Forester รุ่นปัจจุบัน ไปจนถึง 1 ธันวาคม หรือสิ้นปีนี้

3. ลูกจ้าง พนักงาน ประมาณ 200 คน เพิ่งได้รับแจ้งเมื่อวานนี้ ว่า จะยังทำงานต่อไป จนถึง 31 ธันวาคม นี้ เพื่อประกอบ ชุด CKD ที่ยังเหลืออยู่จำนวนหนึ่งจนหมด ทุกคนจะได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ทั้ง Package การเลิกจ้าง ตามกฏหมายแรงงาน รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ เท่าที่ผมฟังดู ถือว่า Ok ใช้ได้ พอให้ตั้งหลักหางานใหม่ไปได้อีกพอสมควร

4. เหตุผลสำคัญ ที่ Subaru ** หยุดการประกอบรถยนต์ในประเทศไทย **

จากการประเมิน ของผม และผู้เกี่ยวข้อง เรามี “ความคิดเห็นส่วนตัว ตรงกัน” ดังนี้

4.1 ต้นทุน การผลิต ทุกวันนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าของจีน Subaru แพงจนไม่คุ้ม ไม่อาจสู้ได้อีกต่อไป ถ้าจะทนผลิตขายต่อ ก็ต้องทนผลิตออกมากองไว้ แล้วรอเลหลังขาย พร้อมส่วนลดหลักแสนแทนที่ ดีลเลอร์ และ Subaru จะได้ Margin เพื่ออยู่รอดในธุรกิจได้ กลับ อยู่ไม่ได้ เพราะต้องทำส่วนลด เพื่อผลักดันรถขายออก ลดภาระดอกเบี้ยธนาคาร มันกลายเป็นวงจรอุบาทว์ ที่บริษัทรถยนต์ทุกค่าย ทั้งญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกัน กำลังเผขิญ และเป็นผบมาจากการปล่อยให้ รถไฟฟ้าของจีน เข้ามาขายทั้งคันด้วยอัตราภาษี 0% จนถึงปี 2026!!!!

Subaru เป็นรายแรกที่ตัดสินใจเดินออกจากวงจรอุบาทว์ ซึ่งกำลังจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเดินทางไปสู่หายนะนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปกว่านี้….

4.2 Subaru ตัดสินใจ เปลี่ยนแนวทางการทำตลาด เพราะทุกวันนี้ ขาย XV กับ Forester ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ มันคือ รถเอาใจตลาด ทำให้แบรนด์ลดระดับลงมาจนจับต้องได้ก็จริง แต่ที่ผ่านมา Subaru เสียตัวตน และลูกค้ากลุ่มเดิมไปเยอะ กลายเป็น another discount brand ดังนั้น การกลับมา Focus ที่ลูกค้ากลุ่มนักขับรถที่เห็นคุณค่าของรถที่ขับสนุก ขับดี และปลอดภัย จึงเป็นสิ่งที่ Subaru จะเลือกไปต่อในไทย เพื่อให้ธุรกิจ ยังไปต่อได้ และดีลเลอร์ ก็จะยังอยู่ได้สบายๆ อนาคต Subaru จะเริ่มนำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่จากญี่ปุ่นมาขาย แน่นอนว่า ราคาจะกลับไปแพงเพราะภาษีนำเข้า ทุกรุ่น

แต่ คราวนี้ รถจะถูกขายด้วยจุดเด่น กับคุณค่าของตัวมันเองจริงๆ ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยการลดแลกแจกแถมเหมือนอดีตที่ผ่านมา และมันจะกลับไปเป็นรถสำหรับลูกค้าที่เข้าใจและรักการข้บขี่ ความปลอดภัย เช่นในอดีต เหมือนยุคก่อน XV เข้ามาในไทย ก่อนปี 2011

สรุป

1. หยุดการผลิตสิ้นปีนี้ เพราะแข่งต้นทุนกับรถจีนไม่ได้อีกต่อไป ออกจากวงจรอุบาทว์ก่อนสายไป

2. หันกลับไป Focus ที่ลูกค้า ซึ่งเห็นคุณค่า รักการขับขี่ อย่างแท้จริง ลูกค้าหลักของ Subaru ตลอดมาและตลอดไป

3. พนักงาน 200 คน จะทำงานถึงสิ้นปีนี้ มี package ชดเชย เหมาะสม ไม่ต้องห่วง

ถ้าใครอยากฟังเรื่องราวเต็มๆ แบบ EXCLUSIVE รอพบ คุณซู สุรีย์ทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ในรายการ DR!VE By J!MMY เสาร์ที่จะถึงนี้ บ่าย 2 โมง ทาง Youtube channel Headlight Magazine และ Facebook Fanpage Headlightmag คนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้บริโภค และสื่อมวลชนทุกท่าน ควรเปิดฟัง เพราะเราเตรียมประเด็นที่คุณจะประหลาดใจอีกเยอะ!!

ขอบคุณที่อ่านจบ และ อย่าลืมติดตามรับชมกันนะครับ