งานออกแบบภายนอกเน้นความโดดเด่นที่อ้างอิงแนวทางการออกแบบรถแข่ง F1 โดยเฉพาะการเอากระจกบังลมหน้าออก และติดตั้งโครงสร้างในรูปแบบเดียวกันกับรถแข่งเพื่อเสริมความแข็งแรงของตัวรถและป้องกันการบาดเจ็บยามพลิกคว่ำ ด้านหน้ายังคงใช้ไฟหน้าร่วมกันกับรุ่น SL ปกติ แต่ได้เปลี่ยนงานออกแบบบริเวณกระจังหน้าให้มีความเรียบง่ายและเน้นรายละเอียดบริเวณด้านล่างของกันชน ที่ติดตั้งตะแกรงสีดำเงา พร้อมด้วยการเพนท์โลโก้ AMG สีขาวขนาดใหญ่ ทั้งหมดนี้เพื่อให้รูปทรงด้านหน้ามีความคล้ายคลึงรถแข่ง F1 มากที่สุด
ตัวถังยังติดตั้งชุดแต่งที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ได้ถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมด้วยฝาครอบล้ออัลลอยทำจากวัสดุเดียวกัน เพื่อให้กระแสลมที่ไหลเวียนผ่านล้อทั้ง 4 ข้างสามารถนำไปใช้ในระบบระบายความร้อนของชุดเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดดเด่นด้วยสีตัวถังสีแดง Le Mans red ผสมผสานกับสีเทา graphite grey ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งซึ่งชนะรายการแข่งขัน 1924 Targa Florio
ภายในมาพร้อมกับเบาะนั่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งคลาสสิครุ่น 300 SLR ที่นักแข่งคู่หู Stirling Moss และ Denis Jenkinson ใช้ในการแข่งขันรายการ 1955 Mille Miglia
แนวความคิดในการพัฒนารถรุ่นนี้ เกิดจากความตั้งใจที่จะให้ตัวรถมีความสนุกสนานในการขับขี่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในฐานะรถสปอร์ตเวอร์ชั่นถนนคันหนึ่ง อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะต้องรับสัมผัสกระแสลมด้านหน้าเฉกเช่นรถแข่ง F1 ให้ได้
อย่างไรก็ตาม Mercedes-AMG ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดของขุมพลังที่นำมาใช้ในรถแข่งคันนี้ อย่างไรก็ตามตัวรถมีโอกาสที่จะเลือกใช้เครื่องยนต์ V8 จาก SL63 ซึ่งประกอบไปด้วย 2 เวอร์ชั่น ได้แก่รุ่น SL 63 S E Performance ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบ ความจุ 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร ฉีดจ่ายน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ Direct Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Twin Scroll Bi-Turbocharged กำลังสูงสุด 612 แรงม้า (HP) ที่ 5,750 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 – 4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร รวมพละกำลังสูงสุดทั้งระบบ 816 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุดรวม 1,420 นิวตัน-เมตร
หรือจะเป็นการหยิบยืมจากรุ่น SL 63 4MATIC+ ใช้เป็นเครื่องยนต์รหัส M177 เบนซิน 8 สูบ V ขนาด 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 8.6 : 1 พ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ Bi-Turbocharged กำลังสูงสุด 585 แรงม้า (PS) ที่ 5,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500-5,000 รอบ/นาที
แต่ทั้งคู่ก็ส่งกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 ด้วยระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ ผ่านเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G
สำหรับผู้ที่สนใจรถรุ่นดังกล่าวจะต้องได้รับการคัดเลือกจาก Mercedes-AMG ว่ามีความเหมาะสมและเป็นแฟนตัวยงของค่าย และ Mercedes-AMG จะผลิตเพียงจำนวนแค่ 250 คัน เท่านั้น แน่นอนว่าราคาจำหน่ายจะไม่ถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
ที่มา: Motor1