Mercedes-Benz ถึงกับต้องทบทวนแผนการพัฒนางานวิศวกรรมพื้นฐานสำหรับรถ EV เจเนอเรชั่นถัดไป เนื่องจากสถานการณ์ยอดขาย ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่มีความแตกต่างกับเป้าหมายที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะยอดขายในสหรัฐอเมริกาในไตรมาสแรกของปี 2024 ที่ขายไปได้เพียง 8,336 คัน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023 ถึงแม้ว่ายอดขายของรถ EV ตลอดปี 2023 ในภูมิภาคเดียวกันทาง Mercedes-Benz กลับขายไปได้จำนวน 43,202 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 248% เมื่อเทียบกับยอดขายตลอดปี 2022

 

อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถ EV จากแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง Rivian กลับขายได้กว่า 50,000 คัน ตลอดปี 2023 ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนรุ่นวางจำหน่ายน้อยกว่าพอสมควร

ด้วยเหตุนี้ แผนการพัฒนางานวิศวกรรมพื้นฐานสำหรับ EQS และ EQE เจเนอเรชั่นถัดไป หรือ MB.EA Large ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2028 นี้ เพื่อเป็นการประหยัดงบการลงทุนได้มากถึง 4.3 – 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.55 – 2.35 แสนล้านบาท เนื่องจากไม่ต้องมีการลงทุนด้านเครื่องมือใหม่เพิ่มเติม และใช้ชิ้นส่วนร่วมกับเจเนอเรชั่นปัจจุบันได้อีกด้วย ด้วยการอัพเกรดงานวิศวกรรมพื้นฐาน EVA2 platform จากรุ่นปัจจุบันแทน

 

MB.EA Large platform ถือเป็น 1 ใน 2 งานวิศวกรรมพื้นฐาน MB.EA platform ที่ค่ายดาวสามแฉกได้วางแผนไว้ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม MB.EA Medium จะยังได้ไปต่อ ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับรถรุ่น EQC ซีดาน และ SUV หรือ C-Class ขุมพลังไฟฟ้าล้วน

สำหรับงานวิศวกรรมพื้นฐาน MMA platform ที่รองรับทั้งขุมพลังไฟฟ้าล้วนและเครื่องยนต์สันดาปภายในสำหรับรถรุ่น CLA GLA และ GLB เจเนอเรชั่นถัดไป MB Van สำหรับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์รวมไปถึง MB AMG จะยังได้รับการพัฒนาต่อไป

ที่มา: Insideevs