จากข่าวคราวที่เราเคยนำเสนอไปแล้วว่า Nissan Motor (Thailand) มีแผนทำตลาด All NEW Nissan Serena e-POWER (c28) ในประเทศไทย โดยนำเข้าตัวรถทั้งคันจากโรงงาน Tan Chong Motor Assemblies (TCMA) ประเทศมาเลเซีย อาศัยสิทธิประโยนชน์ทางภาษี ภายใต้กรอบ AFTA ล่าสุด รถยนต์รุ่นดังกล่าว ถูกนำเข้ามาวิ่งทดสอบบนสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ก่อนเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เร็วสุดในช่วงปลายปีนี้ หรือช้าสุดไม่เกินกลางปีหน้า (ภายในปีงบประมาณ 2024)
จากภาพ Spyshot ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่า All NEW Nissan Serena e-POWER เวอร์ชั่นไทย จะเป็นรุ่นย่อย Highway Star ซึ่งมีดีไซน์และการตกแต่งภายนอกแบบเน้นความ Luxury & Sporty เป็นหลัก วางขุมพลังขับเคลื่อนแบบ e-POWER เครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 163 แรงม้า (PS) 315 นิวตันเมตร
Nissan Serena เป็นรถตู้ Compact Minivan 1-Box Type เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง เน้นตอบโจทย์ลูกค้าสายครอบครัว เริ่มออกจำหน่ายตั้งแต่ปี 1991 และเคยถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยโดย Siam Motors ช่วงปี 1993 ก่อนจะยุติไปในภายหลัง โดยปัจจุบันการทำตลาดของ Serena ดำเนินมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 6 รหัสตัวถัง C28 เผยโฉมออกสู่สายตาชาวโลกครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2022
ข้อมูลเบื้องต้นของ Nissan Serena e-Power Highway Star V เวอร์ชั่นญี่ปุ่น มีดังนี้
ขนาดและมิติตัวถัง
Dimension
- ความยาว 4,690 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1715 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,895 มิลลิเมตร
- ความยาวฐานล้อ 2,870 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น Ground Clearance 135 มิลลิเมตร
- รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร
ดีไซน์ภายนอกของ Nissan Serena มาพร้อมกระจังหน้าและชุดไฟหน้า LED ที่ออกแบบให้กลมกลืนเป็นส่วนเดียวกัน เป็น Design Language ใหม่ของ Nissan ที่เริ่มปรากฎในรถยนต์ต้นแบบ Nissan Chilled Out ระหว่างเสาหลังคา A-Pillar และ B-Pillar มีกรอบประตูคั่นกลาง เพื่อเพิ่มการมองเห็นบริเวณมุมด้านข้าง เช่นเดียวกับรถตู้ MPV ยุคใหม่หลายรุ่น ด้านความสะดวกสบายมาพร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้า เสริมการทำงานด้วยระบบ Kick Activated เพื่อพกกุญแจเดินเข้าใกล้ตัวรถแล้วสอดเท้าเข้าไปใต้ท้องรถ ประตูสไลด์จะเลื่อนเปิดให้อัตโนมัติ
บานฝาท้ายถูกคำ้ยันด้วยโช๊คอัพดรอลิกธรรมดา สามารถเปิดออกแบบทั้งบานปกติ และแบบแยกเฉพาะส่วนบน ลดปัญหาการเปิดในที่แคบสำหรับรถตู้ที่มีบานฝาท้ายขนาดใหญ่ เมื่อเปิดบานฝาท้ายออกจะพบกับพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่โตตามสไตล์ MPV เบาะนั่งแถวที่ 3 ถูกออกแบบกลไกการพับเก็บเป็นแบบแขวนติดกับผนังด้านข้าง นอกจากนี้ ใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระยังมีหลุมสำหรับเก็บสิ่งของที่อาจส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์
ภายในห้องโดยสารของ Serena เวอร์ชั่นญี่ปุ่น หากเป็นรุ่น Luxion จะมาพร้อมเบาะนั่ง 7 ตำแหน่ง (2 + 2 + 3) เบาะนั่งแถวที่ 2 เป็นแบบ Captain Seat ในขณะที่รุ่น Highway Star V จะมาพร้อมเบาะนั่ง 8 ตำแหน่ง (2 + 3 + 3) เบาะนั่งแถวที่ 2 มีระยะรางเลื่อนยาวถึง 640 มิลลิเมตร พนักพิงหลังตำแหน่งกลางสามารถพับลงมาเป็นพนักวางแขนพร้อมช่องวางของได้ วัสดุหุ้มเบาะนั่งเป็นผ้าสีดำ เดินตะเข็บด้ายสีส้ม เน้นความ Sporty เช่นเดียวกับภายนอก
แผงแดชบอร์ดด้านหน้า มีการติดตั้งชุดมาตรวัดแบบ Digital หน้าจอสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว เสริมการทำงานด้วยระบบ Head-up Display ที่อยู่กันเป็นหน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 12.3 นิ้ว ถัดลงมาด้านล่างเป็นแผงสวิตช์ควบคุมเครื่องปรับอากาศ พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Digital รวมถึงสวิตช์เกียร์แบบ Button Shiter (Shift-by-wire) ทั้งหมดถูกออกแบบให้อยู่บนคอนโซลหน้า เพื่อให้มีพื้นที่วางขามากที่สุด และสามารถเคลื่อนตัวจากฝั่งซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้ายได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ ยังติดตั้งอุปกรณ์ความบันเทิงและอุปกรณ์อำนวยมาให้ อาทิ หน้าจอชุดเครื่องเสียง ขนาด 11 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ HDMI ถาดวางของพร้อมช่องวางแก้วด้านหลังเบาะหน้า 2 ตำแหน่ง ช่องชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ USB Port ด้านหน้าเบาะหน้า 2 ตำแหน่ง รวมไปถึงม่านบังแดดบริเวณกระจกหน้าต่างตอนที่ 2 ด้วย
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
Engine & Drivetrain
ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า FWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 AC3 Synchronous Motor กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ติดตั้งบริเวณใต้เบาะคู่หน้า
โดยมีเครื่องยนต์รหัส HR14DDe เบนซิน 3 สูบ 1.4 ลิตร 1,443 ซีซี. Direct Injection DOHC 16 วาล์วกระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 x 100.0 มิลลิเมตร (ขยายความจุจากบล๊อค HR12DE เดิม) กำลังอัด 13.0 : 1 กำลังสูงสุด 98 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ที่ 5,600 รอบ/นาที ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ ความจุถังน้ำมัน 52 ลิตร
โหมดการขับขี่มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่
- Standard Mode
- ECO Mode
- Sport Mode
นอกจากนี้ ยังมีโหมดคันเร่งแบบ e-Pedal มาให้ด้วยเช่นกัน
ด้านความปลอดภัย ได้รับการติดตั้งระบบ 360 Safrty Assist ประกอบไปด้วยระบบต่างๆ ดังน้ี
- ระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ProPilot 2.0
- ระบบบังคับพวงมาลัยเพื่อหลีกเลี่ยงการชน Collision Avoidance Steering Assist
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Intelligent Emergency Brake
- ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Prediction Warning
- ระบบไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive LED headlight system
- ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Leading vehicle departure notice
- ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร Sign detection function
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Departure Prevention System
- ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning
- ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาด้านข้าง Rear Side Vehicle Detection Warning
- ระบบแจ้งเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน ขณะมีรถอยู่ในจุดอับสายตาด้านข้าง Rear Side Collision Prevention System
ความคืบหน้าของการเปิดตัว Nissan Serena Highway Star V เวอร์ชั่นไทย สามารถติดตามต่อได้ทาง www.Headlightmag.com
ขอบคุณภาพถ่ายจาก คุณ Watsapon Krisingdacha