Bentley เตรียมปลดระวางเครื่องยนต์สันดาปภายในทั้งรูปแบบ V8 และ W12 โดยได้ทำการออกรุ่นพิเศษส่งท้ายให้กับบรรดาขุมพลังเหล่านี้ โดยเฉพาะขุมพลัง V8 กับไลน์อัพ Edition 8 ที่ประกอบไปด้วยรุ่น Continental GT Continental GT Convertible และ Flying Spur โดยจะเหลือไว้เพียงรุ่น Bentayga เท่านั้น ซึ่งยังไม่มีกำหนดเวลาแน่ชัดว่าจะยกเลิกขุมพลังนี้อย่างเป็นทางการเมื่อใด
Bentley ได้วางให้รถในอนุกรมพิเศษ Edition 8 นี้ ทำตลาดเฉพาะแต่ในตลาดอเมริกาเหนือ ขณะที่ตลาดอื่นๆ จะได้ทำการถอดออกอย่างเงียบๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดบ้านเกิดอย่างสหราชอาณาจักร ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา เป็นต้น จึงถือเป็นโอกาสสุดท้ายของแฟนๆ อัครยานยนต์จากเมืองผู้ดีที่จะมีโอกาสได้ครอบครองรถรุ่นเหล่านี้ ซึ่งยังคงใช้ขุมพลังที่ไร้ซึ่งการพ่วงกับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
โดยรถที่อยู่ในกลุ่ม Edition 8 จะสามารถเลือกสีตัวถังภายนอกจากทั้งหมด 60 สี จากการคัดสรรของแผนก Mulliner ที่ดูแลเรื่องการปรับแต่งให้รถแต่ละคันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนตัวตนของเจ้าของ ทุกรุ่นจะมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้ว ลายแตกต่างต่างกันไปในแต่ละรุ่น พร้อมด้วยการปรับรายละเอียดในการตกแต่งให้มีความโดดเด่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะฝาปิดถังน้ำมันที่ตกแต่งด้วยอัญมณีระยิบระยับและบริเวณซุ้มล้อหน้าที่มีการประดับโลโก้เฉพาะรุ่น ในรุ่น Continental และบริเวณเสา C ของ Flying Spur
ขณะที่ภายในมีการปรับแต่งให้มีความพิเศษเฉพาะรุ่นเพิ่มมากขึ้น ด้วยการติดตั้งสคัฟเพลทบริเวณชายล่างของประตู Edition 8 พร้อมด้วยการสลักชื่อ Edition 8 ไว้ที่เบาะนั่ง
เครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบ DOHC 32 วาล์ว ขนาด 4.4 ลิตร 3,996 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 86 x 86 มิลลิเมตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Twin-Turbocharger พร้อม Intercooler ให้กำลังสูงสุด 550 แรงม้า (PS) ที่ 5,750 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตรที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่กำลังจะกลายเป็นตำนานและหลีกทางให้กับเครื่องยนต์ V8 Hybrid รวมไปถึงน้องเล็กอย่าง V6 2.9 ลิตร Hybrid ที่มีให้เลือกในรุ่น Flying Spur และ Bentayga เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ Continental GT และ GT Convertible ก็กำลังจะได้รับการติดตั้งขุมพลัง Hybrid ในเร็วๆ นี้
ที่มา: Motor1