กระแสฮิตติดลมบนของรถสปอร์ตตัวถัง Hatchback อันเลื่องชื่อจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Honda Civic Type R รุ่นล่าสุดรหัสตัวถัง FL5 มีอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับขั้นกว่าของอรรถรสในการขับขี่ที่สำนักแต่งคู่บุญอย่าง Mugen ได้เตรียมการแต่องค์ทรงเครื่องเพิ่มเติมให้กับ Civic Type R นับตั้งแต่เปิดตัวภาพกราฟิกในงาน Tokyo Auto Salon 2024 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีรถคันจริงโชว์ตัวแต่อย่างใด พร้อมกับยังไม่รับสั่งจองให้เป็นเจ้าของ

จนกระทั่งถึงกำหนดการเปิดตัวชุดแต่งเวอร์ชั่นพร้อมจำหน่ายจริง พร้อมกับปล่อยชุดภาพของรถคันจริงเช่นเดียวกัน โดยชุดแต่งดังกล่าวประกอบไปด้วยลิ้นหน้าขนาดใหญ่ ชิ้นส่วนตกแต่งบริเวณมุมทั้ง 2 ของกันชนหน้า สเกิร์ตข้างขนาดใหญ่ พร้อมด้วยแผ่นดิฟฟิวเซอร์ด้านหลัง ปิดท้ายด้วยสปอยเลอร์หลังขนาดเขื่อง

 

อย่างไรก็ตามไฮไลท์อยู่ที่การเปลี่ยนมาใช้หม้อพักไอเสียชุดใหม่ที่ออกเพียง 1 ท่อ แตกต่างจากชิ้นส่วนที่ติดตั้งจากโรงงาน โดยชุดท่อไอเสียจะคิดราคาติดตั้งต่างหากกับชุดแต่งรอบคันข้างต้น เช่นเดียวกับล้ออัลลอยจากแบรนด์ BBS ขนาด 19 นิ้ว ลายเฉพาะรุ่น

 

เมื่อพิจารณารายละเอียดทางเทคนิคดังกล่าวแล้ว จะพบว่าตัวรถมีแรงกดที่เพิ่มขึ้นกว่ารุ่น Type R ปกติอยู่ 25% เมื่อรวมทุกชิ้นส่วนที่ถูกติดตั้งเข้าไว้ด้วยกัน และด้วยน้ำหนักตัวโดยรวมที่ลดลงจากล้ออัลลอยชุดใหม่ที่เบาลงกว่า 2.5 กิโลกรัมต่อข้าง นับว่าเป็นคุณสมบัติที่ตัวแข่งทางเรียบที่เกิดมาเพื่อทำลายสถิติในสนามแข่งในตำนานอย่าง Nürburgring ในฐานะรถ Production car ขับเคลื่อนล้อหน้าตัวเก่ง

 

ภายในได้รับการปรับลุคให้ดุดันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเบาะนั่งทรงสปอร์ตจากเจ้าสำนัก Mugen รุ่น MS-C จาก Recaro เพื่อลดน้ำหนักห้องโดยสาร เช่นเดียวกันกับคอนโซลที่เปลี่ยนไปใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ รวมไปถึงการเปลี่ยนหัวเกียร์จาก Mugen และพรมปูพื้นที่ช่วยปรับลุคให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

สำหรับรายการของแต่งเพิ่มเติมที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ ได้แก่ชุดโช้คอัพจาก Mugen พร้อมด้วยผ้าเบรกสมรรถนะสูงอีก 2 รูปแบบให้เลือกตามการใช้งาน ที่ครอบคลุมทั้งรูปแบบขับขี่สปอร์ตบนถนนหลวงและชุดที่ออกแบบสำหรับสนามแข่งโดยตรง

 

Mugen จะทยอยส่งมอบอุปกรณ์ตกแต่งดังกล่าวให้กับลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดก่อน ขณะที่ลูกค้าในอเมริกาเหนือสามารถเลือกติดตั้งชุดแต่งภายนอก ซึ่งประกอบไปด้วยลิ้นหน้า สเกิร์ตข้าง และแผ่นดิฟฟิวเซอร์ ได้ในราคา 2,065 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 75,930 บาท ได้จากตัวแทนจำหน่าย King Motorsports

ที่มา: Motor1