Honda Freed ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2008 ในฐานะ รถยนต์ Compact Minivan ที่เข้ามาเสริมทัพเคียงบ่าเคียงไหล่กับ Mobilio เนื่องด้วยตลาดรถยนต์กลุ่มนี้มีช่องว่างให้เติบโตได้อีกเยอะพอสมควร มีกระแสตอบรับจากลูกค้าชาวญี่ปุ่นอย่างดี จนขึ้นแท่นเป็น Best seller Minivan หรือ รถมินิแวนที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ช่วงเดือน กรกฎาคม – ธันวาคม 2008 จากนั้นก็ถูกพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงรุ่นที่ 3 (3rd Generation) ซึ่งถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ (9 พฤษภาคม 2024) ในประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นครั้งแรกของ Freed ที่มาพร้อมกับขุมพลัง e:HEV (เบนซิน 1.5 ลิตร Hybrid)

 

Honda Freed ใหม่ เวอร์ชั่นญี่ปุ่น มีไลน์อัพรุ่นย่อยให้เลือกมากมาย ทั้งรุ่นเริ่มต้น, รุ่น AIR และรุ่น CROSSTAR โดยทั้ง 3 รุ่น จะมีรูปแบบเบาะนั่งให้เลือกทั้ง 2 แถว 5 ที่นั่ง, 3 แถว 7 ที่นั่ง และ 3 แถว 6 ที่นั่ง แบบ Captain Seats ดีไซน์โดยรวม ถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในเยอะตามสไตล์รถ MPV ขณะที่ภายนอกมีความกระทัดรัด สามารถขับขี่ลัดเลาะไปตามการจราจรในเมืองได้อย่างคล่องตัว โดยมิติตัวถังภายนอกของ Honda Freed ใหม่นั้น มีดังต่อไปนี้

  • ความยาว  4,310 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง  1,695 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง  1,720 มิลลิเมตร (รุ่น Crosstar)
  • ความสูง  1,755 มิลลิเมตร

เทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม Compact Minivan รุ่นอื่นๆ มีดังนี้ (ยาว x กว้าง x สูง)

  • Honda Freed :   4,310 x 1,695 x 1,755 มิลลิเมตร
  • Toyota Sienta : 4,260 x 1,695 x 1,695 มิลลิเมตร

 

ภายในห้องโดยสารเน้นการออกแบบให้มีช่องเก็บของตามจุดต่างๆ อุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่บนแผงหน้าปัดด้านหน้า ประกอบไปด้วย ชุดมาตรวัดแบบ Full-digital หน้าจอกลางระบบสัมผัส คันเกียร์แบบธรรมดา ตลอดจนสวิตช์ควบคุมแบบปกติ ที่ง่ายต่อการหยิบจับหรือใช้งาน ด้านการตกแต่ง รุ่น Air จะได้รับการประดับด้วยวัสดุผ้าโทนสีสว่าง ขณะที่รุ่น Crosstar จะมีความคมเข้มขึ้นตามมาดภายนอก

เบาะนั่งคู่หน้าของเป็นแบบ Walk-through มีพื้นที่สำหรับเดินผ่านจากฝั่งซ้ายไปฝั่งขวา หรือจากด้านหน้าไปด้านหลัง ตามแบบฉบับรถ MPV เบาะนั่งแถวที่ 2 มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ที่นั่ง (Captain Seats) และเบาะยาว 3 ที่นั่ง สำหรับครอบครัวสมาชิกเยอะ ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 นั้น เป็นแบบ 2 ที่นั่ง ที่ยังคงมาพร้อมวิธีการเก็บแบบพับแขวนด้านข้าง ไม่สามารถพับราบลงไปในหลุมใต้พื้นห้องโดยสารได้เหมือนรุ่นพี่อย่าง StepWagon เนื่องจากพื้นที่มีจำกัดมากกว่า

 

ด้านขุมพลังขับเคลื่อน นับเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งระบบ e:HEV ใน Freed ยกมาจากทั้ง Vezel e:HEV และรถยนต์ไซส์เล็กรุ่นอื่นๆ เป็นเครื่องยนต์รหัส LEB-MMD เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle ขนาด 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 73.0 x 89.5 มิลลิเมตร  พละกำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ที่ 4,500 – 5,000 รอบ/นาที รองรับน้ำมันสูงสุด E20 แบตเตอรี่ Lithium-ion ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 3,500 – 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ 0-3,000 รอบ/นาที มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า FWD และขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD สำหรับบางพื้นที่ที่มีหิมะตกหนัก

 

ด้านระบบความปลอด มีการติดตั้งแพ็คเกจ Honda SENSING และระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ มาให้อย่างครบครัน ประกอบไปด้วย

  • ระบบเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง Blind Spot Information
  • ระบบความคุมความเร็วช่วงความเร็วต่ำ Traffic Jam Assist
  • ระบบช่วยเบรกอัตโนมัต  Short-range Collision Mitigation Brake
  • ระบบความคุมความเร็วแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
  • ระบบไฟสูงอัตโนมัต Auto High Beam
  • ระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ Adaptive Driving Beam
  • เซ็นเซอร์กะระยะรอบคัน Parking Sensor System
  • ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดพลาด Sudden Acceleration Suppression Function
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถขณะเปิดประตู Backward Exit Support

All NEW Honda Freed จะถูกส่งขึ้นโชว์รูมต่างๆ ในญี่ปุ่นหลังจากนี้ ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดในประเทศอื่นๆ ยังไม่มีการพูดถึง ณ วันเปิดตัว แต่อยากให้ Honda นำเข้ามาประกอบขายในไทยอีกครั้ง เพื่อเจาะตลาด Compact Minivan ประตูสไลด์ ที่ยังเว้นว่างอยู่…

ที่มา : Honda Japan