เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2023 Mercedes-AMG ได้เปิดตัว CLE 53 4MATIC+ Coupe โดยใช้พื้นฐานเครื่องยนต์จากรุ่น CLE 450 มาพัฒนาต่อยอด โดยมีให้เลือกเพียงตัวถังหลังคาแข็งแบบเดียว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2024 Mercedes-AMG จึงได้เพิ่มทางเลือกเวอร์ชั่นเปิดหลังคาของ CLE 53 4MATIC+ ภายใต้ชื่อ CLE 53 4Matic+convertible
งานออกแบบภายนอกมีความใกล้เคียงกับรุ่นหลังคาแข็ง พร้อมด้วยการแต่งเติมกระจังหน้าที่มีความดุดันยิ่งกว่า พร้อมด้วยกันชนหน้าที่ได้รับการออกแบบใหม่ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว หรือ 20 นิ้ว ที่มีหน้ากว้างพิเศษกว่ารุ่นปกติ เพิ่มเติมสปอยเลอร์สีดำเงาขนาดเล็ก พร้อมด้วยชุดกันชนท้ายและปลายท่อไอเสียแบบคู่ จำนวน 2 ชุด แทนที่ปลายท่อไอเสียแบบเหลี่ยมขอบโครเมียมในรุ่นปกติ และสำหรับลูกค้าที่ต้องการความดุดันยิ่งกว่า ทาง AMG ได้เตรียมแพ็คเกจ Optics Carbon และ Night package สำหรับการอัพเกรดชิ้นส่วนดิฟฟิวเซอร์และลิ้นกันชนหน้า รวมไปถึงการเพิ่มเติมชิ้นส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางแอโรไดนามิกส์
สำหรับส่วนที่แตกต่างได้แก่หลังคาผ้าใบที่สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าซึ่งทำงานภายในเวลาเพียงแค่ 20 วินาที ที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม. / ชม. โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ดำ แดง และเทา ตามสีภายนอก
ภายในมาพร้อมกับการตกแต่งคล้ายกันกับรุ่นปกติที่ตกแต่งแบบ AMG Line ด้วยพวงมาลัยท้ายตัด AMG Performance ที่ตกแต่งด้วยหนังหุ้มสีดำสลับด้วยหนังกลับ Alcantara พร้อมด้วยชิ้นส่วนตกแต่งทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมเพิ่มความสปอร์ตขั้นสุดด้วยสีแดง และที่ขาดไม่ได้กับเบาะนั่งทรงสปอร์ต AMG Performance ใช้หนังแบบ Nappa ที่มีการเคลือบผิวแบบพิเศษแตกต่างจากรุ่นหลังคาแข็ง เพื่อไม่ให้อมความร้อนยามขับขี่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด รวมไปถึงความจุห้องเก็บสัมภาระที่เหลือเพียง 385 ลิตร จาก 410 ลิตร และลดลงเหลือ 295 ลิตร เมื่อเปิดหลังคาผ้าใบ
ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบ เรียง ความจุ 3.0 ลิตร พ่วงด้วยระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นจากรุ่น CLE 450 ด้วยการปรับปรุงห้องเผาไหม้ พร้อมด้วยแหวนลูกสูบชิ้นใหม่ พร้อมด้วยการปรับปรุงระบบหัวฉีด และเทอร์โบชุดใหม่ และแน่นอนว่ายังมาพร้อมระบบ Hybrid แบบ 48V ที่เพิ่มพละกำลังแบบ EQ Boost ได้อีก 23 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ทำให้ได้พละกำลังรวมเป็น 445 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 560 นิวตัน-เมตร และสามารถเพิ่มเป็น 600 นิวตัน-เมตร ได้ชั่วขณะผ่านโหมด Overboost
ส่งกำลังผ่านล้อทั้ง 4 ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G Speedshift พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ Slippery Comfort Sport Sport+ และ Individual ที่ปรับแต่งได้ทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่างและการตอบสนองของพวงมาลัยให้เหมาะสม และที่ขาดไม่ได้กับโหมด Drift ที่เปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลังตลอดเวลา
- อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายในเวลา 4.2 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 270 กิโลเมตร / ชั่วโมง เมื่อเลือกติดตั้งแพ็คเกจ AMG Driver
Mercedes-AMG ยังไม่ประกาศกำหนดการวางจำหน่ายและราคาขายอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
ที่มา: Motor1